‘ส.ว.พันธุ์ใหม่-อิสระ’ แจงเหตุไม่ร่วมสังฆกรรม ตั้ง กมธ.สอบประวัติ อสส. ลั่น ไม่ขอเป็นตรายาง บี้ ปธ.ทบทวนท่าที หากยังฝืนทำอาจซ้ำรอยเผด็จการวุฒิสภา อ้าง แค่แสดงสันติวิธี พรุ่งนี้มาทำงานต่อ
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา แกนนำ ส.ว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ และกลุ่มอิสระ ร่วมกันแถลงภายหลังวอล์กเอาต์จากห้องประชุมวุฒิสภา ระหว่างที่มีการลงคะแนนคัดเลืกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด (อสส.)
โดย นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ว. กล่าวว่า การทำหน้าที่ในสภาของเราต้องหยุดชะงักเนื่องจากประธานในที่ประชุมและเสียงส่วนใหญ่ได้ดำเนินการทางสภาโดยใช้เสียงข้างมากลากไป ทำให้พวกเราซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยทักท้วงทุกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการขอให้ไม่ลงมติแต่ให้ปรับรูปแบบเป็นการจับสลาก เพื่อให้ทุกสัดส่วนสามารถเข้าไปเป็นกรรมาธิการได้ หรือแม้กระทั่งขอให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ แต่เสียงข้างมากก็ไม่ยอม ตนจึงเห็นว่าวิธีการเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนที่ประธานจะไม่รอมชอมสมาชิก ปล่อยให้เสียงข้างมากทุบเอาๆ
จึงขอวอล์กเอาต์ไม่ร่วมสังฆกรรม เพื่อให้การประชุมวันนี้มีแค่คนที่เป็นเสียงฝ่ายเดียว ดำเนินการคัดเลือกบุคคลองค์กรยุติธรรม และทำให้ประชาชนได้รู้ว่ามีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น เป็นรอยด่างของวุฒิสภาชุดนี้ ซึ่งเราได้มีการทักท้วงไว้ แต่ผลการทักท้วงของเราก็ไม่สำเร็จ ตนจะไม่ยอมเป็นตรายางให้กับกระบวนการที่ไม่ยุติธรรมเช่นนี้ และได้ขอให้ประธานในที่ประชุมทบทวน แต่ท่านไม่ทบทวน เราจึงมีอาวุธอย่างเดียวคือการไม่ร่วมสังฆกรรม หากจะเดินไปข้างหน้าก็ขอให้ท่านรับเองว่าในอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อ
ด้าน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. กล่าวเสริมว่า โดยหลักการการตั้ง กมธ.ชุดนี้ขึ้นจำนวน 15 คน จะต้องมีการจัดสัดส่วนกันว่าตัวแทนของแต่ละกลุ่มจะมีจำนวนเท่าไหร่ แต่ผลปรากฏว่า กลุ่มที่เขาแพคกันมาเป็นบ้านใหญ่ มีการเสนอทั้งหมด 15 ชื่อเต็มจำนวน โดยไม่แบ่งให้ ส.ว.กลุ่มอิสระ ถือว่าเป็นการรวบรัดตัดตอน มีการดำเนินการโดยไม่สนใจ ส.ว.เสียงข้างน้อย จึงรู้สึกว่านี่ไม่น่าจะเป็นไปตามกลไกระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นไปตามเสียงข้างมากลากไป
ขณะที่ นางอังคณา นีละไพจิตร ส.ว. กล่าวว่า วันนี้ทุกคนได้ใช้ความพยายามอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด และพยายามที่จะเสนอทางเลือกให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม เพราะเห็นว่าหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของวุฒิสภา คือการเห็นชอบบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ เราเคารพเสียงส่วนใหญ่แต่เสียงส่วนใหญ่ต้องไม่ละเลยเสียงข้างน้อย ไม่ปิดกั้นโดยการเสนอเป็นแพคเกจมา สุดท้ายจะทำให้คนส่วนหนึ่งมีอำนาจที่จะออกแบบหรือได้มาซึ่งองค์กรอิสระแบบใดก็ได้ ในฐานะเสียงข้างน้อย สิ่งที่ทำได้มากที่สุด คือการไม่อยู่ร่วมในการคัดเลือกครั้งนี้ ซึ่งก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะร่วมวง เพื่อรับรองมติที่ไม่เป็นธรรม
เมื่อถามว่า ส.ว.พันธุ์ใหม่ และ ส.ว.ภาคประชาชน ที่ร่วมกันวอล์กเอาต์รวมกันแล้วมีทั้งหมดกี่คน นางอังคณากล่าวว่า หากดูจากเสียงวันนี้น่าจะประมาณ 50 คน ซึ่งไม่ได้อยู่รวมในกลุ่มก้อนใหญ่
เมื่อถามว่า การพิจารณาวาระอื่นในอนาคตอาจเกิดเหตุการณ์คล้ายกับกรณีนี้อีก มองประเด็นนี้อย่างไรบ้าง น.ส.นันทนากล่าวว่า ในอนาคตน่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่กลุ่มใหญ่ได้คิดว่าจะอยู่ร่วมกันแล้วจะใช้วิธีการรวบรัดเช่นนี้ ก็จะทำให้ประชาชนรู้สึกได้เลยว่าวุฒิสภาแห่งนี้จะกลับไปเป็นวุฒิสภาเหมือนเดิม จะใช้เสียงข้างมากและไม่สนใจเสียงของประชาชน ตนคิดว่าการแสดงออกเช่นนี้น่าจะทำให้กลุ่มใหญ่ตระหนักได้ว่า การกระทำของเขาจะไม่ถูกยอมรับจากกลุ่ม ส.ว.อิสระ
เมื่อถามว่า ในอนาคตข้างหน้าจะนำไปสู่เผด็จการวุฒิสภาหรือไม่ กลุ่ม ส.ว.ที่ร่วมกันลงมาแถลงข่าวกล่าวขึ้นพร้อมกันว่า ”วันนี้ก็เป็นแล้ว“ และนางอังคณากล่าวต่อว่า ถ้าเขายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็สามารถที่จะกลับไปได้ และการวอล์กเอาต์ของเราในวันนี้ก็ต้องขอโทษประชาชนด้วย แต่ในเมื่อเราพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วและการที่เรานั่งอยู่ต่อไม่ได้เกิดประโยชน์ เราจึงใช้วิธีสันติวิธี เดี๋ยวพรุ่งนี้มาทำงานต่อ