ศิริกัญญา โวยรัฐบาล ชักดาบ 5 ธนาคาร กว่า 3.5 หมื่นล้านบาท หวังใช้ทำ ดิจิทัลวอลเล็ต

‘ศิริกัญญา’ จวก ‘รัฐบาล’ ชักดาบ 5 ธนาคาร กว่า 3.5 หมื่นล้านบาท หวังใช้ทำ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ชี้ หากยังไม่ชัดเจน สภาไม่ควรอนุมัติ แนะให้รอก่อนแล้วค่อยออกเป็น พ.ร.บ.โอนงบ เพื่อแจกให้ครบ 45 ล้านคน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่สองเป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี พ.ศ.2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ปรับลด 7,824,398,500 บาท โดยเป็นการพิจารณาเรียงรายมาตรา

จากนั้นเวลา 11.45 น. เข้าสู่การพิจารณามาตรา 6 งบกลาง โดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อยขอสงวนความเห็น อภิปรายว่า ตนขอปรับลดงบประมาณลง 1.52 แสนล้านบาท โดยในมาตรานี้มีงบประมาณเพิ่มเติม 1.8 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงรายการจากการใช้หนี้ธนาคารรัฐ 3.5 หมื่นล้านบาท แต่ตนขอตัดเฉพาะในส่วนของการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ อีก 3.5 หมื่นล้านบาท ขอให้นำกลับไปชำระหนี้ของธนาคารของรัฐตามเดิม

ด้วยเหตุผลว่า เราทราบดีว่างบประมาณในส่วนการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจที่งอกขึ้นมา ถูกนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้มีความชัดเจนมากขึ้นหลังเปลี่ยนรัฐบาลว่าในเฟสแรก จะเปลี่ยนจากดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเงินสด ไปแล้ว 14.5 ล้านคน ซึ่งใช้งบประมาณในปี 2567 กว่า 1.45 แสนล้านบาท

Advertisement

โดยมาจาก 2 ส่วนคือ พ.ร.บ.เพิ่มเติมงบประมาณปี 2567 จำนวน 1.22 แสนล้านบาท และอีกก้อนคือใช้งบกลางอีกประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท เราควรจะเลิกเรียกว่าดิจิทัลวอลเล็ตได้แล้ว เพราะไม่มีดิจิทัลและวอลเล็ตแล้ว

น.ส.ศิริกัญญากล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังต้องหาเงินมาอีก 3.05 แสนล้านบาท ซึ่งวันนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่เข้าใจว่าวันนี้ยังไม่มีรัฐบาล ยังไม่มีการถวายสัตย์ฯ ยังไม่มีการแถลงนโยบาย ดังนั้น เราจึงไม่มีทางรู้ว่าเงินก้อนที่เหลือจะแจกผ่านดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ หรือจะแจกเป็นเงินสด จะแจกเท่าไหร่ เมื่อไหร่

Advertisement

ดังนั้น จึงไม่รู้ว่าเราจะมาพิจารณางบประมาณเพื่ออนุมัติก้อนนี้ไปเพื่ออะไร แต่หากจะทำให้ได้ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้ เราต้องการเงินเพิ่มอีก 3.05 แสนล้านบาท วันนี้ที่เราพิจารณากันอยู่มีงบประมาณที่เราพิจารณาไว้ตั้งแต่วาระ 1 จำนวน 1.52 แสนล้านบาท อยู่ในกระเป๋า อีกก้อนมาจากการเบี้ยวหนี้ ชักดาบธนาคารรัฐ 3.5 หมื่นล้านบาท

“เรียกว่าหน้ามืดแล้ว มีเงินตรงไหนเหลือก็ขอไปล้วง ไปควักออกมาให้หมด แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ครบ 3.05 แสนล้านบาทอยู่ดี ยังขาดอีก 1.17 แสนล้านบาท เท่ากับคน 12 ล้านคน ที่ตอนนี้ยังหน้าสิ่วหน้าขวานว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาจ่ายให้ประชาชนจนครบ ซึ่งหากยังไม่ครบแล้วท่านจะไปตัดงบธนาคารแห่งรัฐมาก่อนทำไม หลายโครงการเป็นโครงการที่มีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ เช่น โครงการจำนำสินค้าเกษตรปี 2552 โครงการประกันรายได้ สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี

รวมถึงตัดงบของธนาคารออมสิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่ใช้ในโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ตัดนิดตัดหน่อยก็จะเอา เพื่อรวมเงินให้ได้ แต่ก็รวมได้แค่ 3.5 หมื่นล้านบาท และเป็นงบที่มาอย่างประหลาด เพราะในชั้นอนุ กมธ.ฯ ก็ไม่มีอนุฯ ไหนตัด เพื่อรวมเงินนำไปใช้ในโครงการเติมเงิน ทั้งนี้ ที่ปรับลดนั้นลอยมาหลังจากที่อนุกมธ.พิจารณาเสร็จสิ้น ในคราวที่ ครม.มีมติให้โอนเงินเพื่อใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

น.ส.ศิริกัญญากล่าวด้วยว่า สภาไม่จำเป็นต้องเห็นชอบเงินจำนวน 1.2 แสนล้านบาทเพื่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ตใช่หรือไม่ และเงินที่จะใช้ก็ยังมีไม่เพียงพอ ฉะนั้น ตนจึงมีข้อเสนอว่าควรรอให้มีการแถลงนโยบายให้จบก่อน แล้วค่อยมาออกเป็น พ.ร.บ.โอนงบประมาณ ก็ยังทัน เพราะยังมีเวลา ให้ประชาชนรอมาได้ปีกว่า ให้รออีกหน่อย เพื่อให้รัฐบาลไปออกร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณ โดยตัดงบกระทรวงของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อใช้ดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อแจกให้ครบ 45 ล้านคน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image