‘ปกรณ์วุฒิ’ อัด ‘ดีอี’ จัดงบทำระบบเซลล์บรอดแคสต์ ซ้ำซ้อน ‘ปภ.’ ถาม หรือกรมป้องกันภัยไม่พร้อมทำระบบ เหน็บ บางครั้งอาจไม่จำเป็นต้องตั้งงบ เพียงแค่หน่วยงานไม่กล้ายอมรับว่าต้องงบซ้อน จึงต้องเหลือไว้
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี พ.ศ.2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท โดยเป็นการพิจารณาเรียงรายมาตราในวันที่ 2 นั้น
เวลา 13.00 น. เข้าสู่การพิจารณามาตรา 16 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า แม้ตนจะเคยอภิปรายไว้ในวาระ 1 แล้วว่างบประมาณในส่วนของโครงการแจ้งเตือนฉุกเฉินแห่งชาติ หรือเซลล์บรอดแคสต์ ซ้ำซ้อนกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ของกระทรวงมหาดไทย และทางสำนักปลัดกระทรวงดีอีก็ แจ้งต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 สภาผู้แทนราษฎร ว่าขอปรับลดงบประมาณลงด้วยตัวเองเหลือ 92.57 ล้านบาท ลดลงกว่า 73 เปอร์เซ็นต์
นายปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า ส่วนงบประมาณที่เหลืออยู่ก็ถูกนำมาใช้กับรายการอื่นๆ เช่น ค่าเช่าบริการคลาวด์ ค่าเช่าสัญญาณสื่อสารเชื่อมซีบีอีไปยังระบบคลาวด์ 4 รายการ ประมาณ 21.5 ล้านบาท จึงมีคำถามว่าระบบคลาวด์เหล่านี้นำไปเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เพราะรายละเอียดโครงการของ ปภ.ก็ตั้งงบเซิร์ฟเวอร์ในการเก็บข้อมูลไว้อยู่แล้ว หากไม่มีงบในส่วนนี้จะทำให้ระบบเซลล์บรอดแคสต์ของ ปภ.ไม่สามารถทำงานได้หรือ หรือหากเพิ่มในส่วนนี้ มาจะทำให้ระบบเซลล์บรอดแคสต์ประเทศไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพียงไร อย่างไร ซึ่งงบก้อนนี้ไม่ใช่แค่ 21.5 ล้านบาทเท่านั้น เพราะเมื่อมีการตั้งงบประมาณในการเช่าระบบคลาวด์ก็จะมีค่าเช่าอื่นๆ ตามมา เช่น ค่าจ้างที่ปรึกษาฯ
“รายการที่ผมสงสัยที่สุดที่มีการตั้งงบประมาณ 45 ล้านบาท คือค่าเช่าทรัพย์สิน คำถามคือค่าเช่าทรัพย์สินอะไร ทำไมจึงมีการตั้งงบไว้สูงเช่นนี้ และสิ่งที่อยากได้คำตอบคือค่าเช่าระบบคลาวด์จำนวน 21.5 ล้านบาทนั้น เป็นค่าเช่ารายปี รายสองปี หรือเท่าไหร่ เช่นเดียวกับค่าเช่าทรัพย์สินที่มีการตั้งงบประมาณไว้ถึง 45 ล้านบาท เราจำเป็นต้องใช้งบประมาณจ่ายค่าเช่าเหล่านี้เป็นภาระงบประมาณเรื่อยๆ ใช่หรือไม่ ที่ผมต้องถามคำถามเยอะเช่นนี้ เพราะเอกสารที่ทางหน่วยงานส่งมาให้กมธ.มีแค่นิดเดียว ซึ่งกว่าที่หน่วยงานจะส่งเอกสารมาเพิ่มให้ กมธ.ก็พิจารณาเสร็จแล้ว และผมก็ถามอนุ กมธ.แล้วว่าได้พิจารณาโครงการต่างๆ ที่มีการเหลืองบประมาณไว้ 92 ล้านบาทอย่างไรบ้าง” นายปกรณ์วุฒิกล่าว
นายปกรณ์วุฒิกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการตั้งงบประมาณในส่วนของค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์ 10 ล้าน ขณะที่งบประมาณของกรมควบคุมมลพิษที่ตั้งงบประมาณในการสื่อสาร และสร้างการรับรู้เรื่องฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ไว้แค่ 1.44 ล้านบาทเท่านั้น ตนจึงไม่เข้าใจว่า ทำไมโครงการนี้ จึงมีการตั้งงบประมาณไว้สูงเช่นนี้ และหากระบบเซลล์บรอดแคสต์ทำเสร็จแล้ว โทรศัพท์มือถือที่ประชาชนมีอยู่จะได้รับการแจ้งเตือนอัตโนมัติ แต่เราต้องประชาสัมพันธ์ว่า หากได้รับข้อมูลเช่นนี้ เชื่อใจได้ว่ามาจากรัฐบาลโดยตรงแน่นอน แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่าเราจำเป็นต้องใช้งบประมาณถึง 10 ล้านจริงหรือ ซึ่งโครงการที่สำคัญเช่นนี้ตนคิดว่าใช้กรมประชาสัมพันธ์ที่มีฟังก์ชั่นที่ตรงตามภารกิจ น่าจะได้ประสิทธิภาพดีกว่า
“สิ่งที่ กมธ.เสียงส่วนใหญ่ต้องชี้แจงคือตกลงแล้วระบบเตือนภัยที่ ปภ.ตั้งงบประมาณมานั้น ไม่สมบูรณ์ ไม่รอบคอบและไม่พร้อมกับการจัดทำระบบเซลล์บรอดแคสต์ จนต้องมาตั้งงบเพิ่มเฉพาะปีนี้ถึง 90 ล้านบาท และเราต้องจ่ายค่าเช่าไปทุกปีหรือไม่ หรือจริงๆ แล้วอาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งงบในกระทรวงดิจิทัลฯ เลย เพียงแค่หน่วยงานไม่กล้ายอมรับว่างบที่ตั้งมามีความซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็น จึงต้องเหลืองบประมาณบางส่วนไว้ โดยให้เป็นภาระกับงบประมาณในระยะยาวเท่านั้น หาก กมธ.เสียงข้างมากไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนว่างบประมาณที่คงไว้ 92 ล้านบาทนั้น จำเป็นอย่าไร ผมจึงยืนยันที่จะให้ลงมติตัดงบประมาณในส่วนนี้ทั้งหมด” นายปกรณ์วุฒิกล่าว