สถานีคิดเลขที่ 12 : เส้นทางบิ๊กอ้วน

สถานีคิดเลขที่ 12: เส้นทางบิ๊กอ้วน

ใ นจำนวน 35 รัฐมนตรี ของรัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ได้รับโปรดเกล้าฯแล้วนั้น มีหลายตำแหน่งที่มีประเด็นพูดถึง เช่น มีรัฐมนตรีหญิงในรัฐบาลนี้ถึง 7 คน สอดรับกับรัฐบาลที่มีนายกฯหญิง

พอจะเอามาคุยได้ประมาณว่า เน้นความเสมอภาค สิทธิสตรี อะไรทำนองนั้น

นอกจากนี้มีการพูดถึง การถอดตัวเองของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ เพื่อเปิดทางให้บุตรสาว น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยแทน

ADVERTISMENT

น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ดี ช่วยให้รัฐบาลอุ๊งอิ๊งลดปมประเด็นปัญหาลงไป และมีรัฐมนตรีคนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมวิสัยทัศน์ใหม่ๆ รวมทั้งเป็นสุภาพสตรีด้วย

เช่นเดียวกับการถอยตัวเองของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เปิดทางให้ “คนนอก” เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ

ADVERTISMENT

โดยเข้ามาในฐานะคนของพรรคกล้าธรรม กับคนของเพื่อไทย

ความที่พรรคพลังประชารัฐ ถูกตัดพ้นไปจากรัฐบาล ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน แต่กลุ่มธรรมนัส พร้อม ส.ส.เกินครึ่งพรรค ยังคงสนับสนุนรัฐบาล ทำให้กระทรวงเกษตรฯต้องมีคนนอกเข้ามานั่งแทน

เป็นคนนอกที่ ร.อ.ธรรมนัสระบุว่า ส่งชื่อโดยมือที่มองไม่เห็น

อีกตำแหน่งที่จับตามองกัน เมื่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯต้องมาควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปลี่ยนจากที่เคยควบพาณิชย์

ต้องเรียกว่าเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง แบ่งเบาภาระของนายกฯอุ๊งอิ๊งในงานทหารและตำรวจ

แม้ว่าจะโดนอดีตนายพลหลงยุค ก่อกระแสต่อต้านอดีตทหารป่า อ้างว่ารบราฆ่าฟันกันมา ไม่สมควรมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม

โดยคงหลงลืมไปว่า เหตุการณ์นั้นผ่านมาเกือบ 50 ปี โดยนักศึกษาหลายพันคน ต้องลี้ภัยเข้าป่าไปร่วมกับคอมมิวนิสต์ เพราะโดนปราบปรามไล่ล่าจากวันโหดร้าย 6 ตุลาคม 2519

แล้วสงครามคอมมิวนิสต์ยุติลงได้ เพราะกองทัพในยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ ได้ยอมรับว่า คนเข้าป่าเพราะมีปัญหาถูกกดดันถูกไล่ฆ่า คนที่เป็นคอมมิวนิสต์เพราะ
ถูกกดขี่ จึงต้องใช้แนวทางการเมืองนำการทหาร ถ้าใช้การปราบปราม คอมมิวนิสต์จะยิ่งเติบโต

พล.อ.เปรมจึงเซ็นคำสั่งที่ 66/2523 เปิดทางให้คนเข้าป่ากลับคืนเมือง โดยไม่มีความผิดในคดีอาญาใดๆ กลับมาใช้ชีวิตปกติ ต่อสู้ทางความคิดอย่างสันติวิธี

หลังจากนั้นนักศึกษาก็พากันคืนเมือง คอมมิวนิสต์ก็สูญสลาย แล้วขบวนการคอมมิวนิสต์ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลยในประเทศไทย

ถือว่าเป็นการยอมรับต้นตอปัญหา และแก้ไขได้ถูกจุด โดยเปิดกว้างให้คนต่างความคิดมาอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ แล้วสงครามก็สงบได้จริงๆ

ส่วนตัวนายภูมิธรรมออกจากป่าก็กลับมาใช้ชีวิตปกติ เข้าสู่การเมืองในระบอบประชาธิปไตยโดยการเลือกตั้งทำการเมืองอย่างเปิดเผย ไม่เคยก่อขบวนการรุนแรง และไม่ได้มีข้อขัดแย้งใดๆ กับกองทัพ

ผ่านมาเกือบ 50 ปี ยังจะมีคนอ้างความเป็นทหารป่าที่จบสิ้นไปแล้วมาก่อกระแสอะไรอีก ซึ่งก็คงไม่มีผลอะไรนัก

ที่แน่ๆ ตอนนี้จากภูมิธรรม จากพี่อ้วน ต้องเรียกกันใหม่ว่า “บิ๊กอ้วน” เพราะต้องทำงานกับบิ๊กๆ ในกองทัพและบิ๊กๆ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

งานใหญ่มหึมาที่รออยู่แล้วคือ การตั้ง ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่แบบชุดใหญ่ รวมทั้งแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ด้วย

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image