อาจารย์ ยังห่วงกม. คุมเข้มงานวิจัย แม้ครม.จะถอนแล้ว แนะต้นเรื่องขัดรธน. ควรรื้อทิ้งทั้งมาตรา
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 เพจ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง – คนส. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีที่ ครม.ถอนร่าง ครม.เห็นชอบให้ทบทวนร่างพระราชกฤษฎีกาเรื่องหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดการวิจัยว่า เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) ขอขอบคุณคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติจากที่ประชุม ครม.ในวันที่ 3 กันยายน 2567 ให้ถอนร่าง “พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัย ซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พ.ศ. …” เพื่อกลับไปทบทวนและมอบหมายให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รับฟังความเห็นเพิ่มเติม
ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ได้อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.นี้ ทางเครือข่ายนักวิชาการฯ ได้จัดทำความคิดเห็นและข้อเสนอต่อร่าง พ.ร.ฎ.นี้ และจัดส่งไปยังผู้บริหารของกระทรวงการอุดมศึกษาฯ และบุคคลในคณะรัฐมนตรี (สามารถอ่านความเห็นและข้อเสนอแนะต่อ พ.ร.ฎ.ที่เขียนโดย ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ ได้ที่ https://drive.google.com/…/187EjyIPCASkn1kMwWYr…/view…
และที่เขียนโดย รศ.อนุสรณ์ อุณโณ ได้ที่ https://drive.google.com/…/1NXbBk3UUdTIGR2gaKb4…/view…)
พร้อมกันนี้ทางเครือข่ายนักวิชาการฯ ก็ได้มีการจัดเสวนาวิชาการหัวข้อ “เสรีภาพทางวิชาการภายใต้ร่าง พ.ร.ฎ.หลักเกณฑ์การวิจัย ซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา วัฒนธรรม จารีต ประเพณี” เมื่อวันอังคารที่ 3 กันยายน 2567 ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ (ดูคลิปการเสวนาได้ที่ https://www.youtube.com/live/Olspi8ansyM )
อย่างไรก็ดี แม้คณะรัฐมนตรีจะมีมติถอนเรื่อง พ.ร.ฎ.นี้แล้วในที่สุด แต่เรื่องนี้ยังมีความน่ากังวลอย่างมาก เนื่องจากต้นตอที่แท้จริงของ พ.ร.ฎ.มาจากบทบัญญัติมาตรา 33 (2) พระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ.2562 ที่กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) โดยความเห็นชอบของสภานโยบายกำหนด ‘หลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน’ โดยให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่เนื้อหาของร่าง พ.ร.ฎ.ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 34 (2) ที่คุ้มครองเสรีภาพทางวิชาการ แต่กฎหมายแม่ คือ “มาตรา 33 (2) ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ฯ ก็ขัดกับรัฐธรรมนูญด้วย อีกทั้งยังกำหนดให้ต้องมีกฎหมายลูก คือ พ.ร.ฎ. ซึ่งที่ไม่มีหลักประกันอันใดว่าร่าง พ.ร.ฎ.ที่กระทรวงการอุดมศึกษาฯ นำกลับไปทบทวนจะไม่เป็นการบังคับควบคุมเสรีภาพทางวิชาการอีก ดังนั้น เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) จึงเห็นว่าในการแก้ปัญหาจาก พ.ร.ฎ.อย่างถาวรควรแก้ไขมาตรา 33 ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมวิทยาศาสตร์ฯ โดยตัดวรรคสองของมาตรานี้ออกไป