‘นายกฯ’ ตอบคำถามสื่อ ประกาศขอไม่พูดเรื่อง ‘ทักษิณ’ แล้ว ขอเดินไปข้างหน้า พร้อมรับมือนิติสงครามให้ดีที่สุด ‘โอด’ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีคดี และไม่อยากมีคดี เพราะลูกยังเล็ก เน้นทำงานใกล้ชิดรมต. นัดคุยทุกสัปดาห์สลับกระทรวง ’แย้ม‘ นโยบายรบ.นี้สานต่อเศรษฐา ตั้งเป้าทำงานครบ 3 ปี จะอยู่ให้อยู่ครบวาระ
เมื่อเวลา 11.48 น. วันที่ 7 กันยายน 2567 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าว หลังแถลงครั้งแรก โดยผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีว่าจะเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนนี้อยากทราบว่า นายกฯมีเวลา 3 ปี ดังนั้น จะใช้เวลาเท่าไหร่ ในการประเมินผลการทำงานของตัวเองและ ครม. นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การวัดการประเมินต่างๆ คิดว่าเราต้องดูกันตลอด เพราะอย่างที่บอกไว้เราจะทำงานแข่งกับเวลา แต่ส่วนของนโยบายต่างๆ หรือกระทรวงต่างๆ ต้องขึ้นอยู่กับว่านโยบายนั้นคือนโยบายอะไร ในใจคิดแน่นอนว่าจะต้องสรุปให้พี่น้องประชาชนฟังใน 3 เดือนแรกแน่นอน แต่ตัวของตนใน ครม.ก็ได้มีคอมเมนต์แยก ขออนุญาตนัดรัฐมนตรีมาคุยกันทุกอาทิตย์ แต่สลับกระทรวงกันไป และได้ให้เวลาเรียบร้อยว่าจะสรุปช่วงไหน เพราะบางทีรัฐมนตรีหรือเราอาจจะอยากปรึกษากัน ก็อยากให้การทำงานเป็นไปอย่างใกล้ชิด ไม่อยากให้พอมอบหมายอะไรไปแล้วไม่สามารถตามได้ว่าอยู่ตรงไหน ซึ่งจริงๆ ทุกท่านก็มีความตั้งใจที่จะทำทุกนโยบายอยู่แล้ว ฉะนั้นอันนี้คิดว่าน่าจะเป็นส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการทำงานได้เร็วขึ้น
เมื่อถามว่านโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภามีอะไรที่แตกต่างจากรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี บ้าง และในสถานการณ์การเมืองปัจจุบันที่สู้ด้วยนิติสงคราม นายกฯจะสู้อย่างไร มีทีมที่ปรึกษากฎหมายที่มั่นใจเพื่อให้การทำงานของรัฐบาลบรรลุวัตถุประสงค์ครบ 3 ปี น.ส.แพทองธารกล่าวว่า อย่างแรกคือทุกๆ ท่านมีความตั้งใจอยู่แล้ว ในเรื่องของกฎหมายต่างๆ เรามีทีมกฎหมายอย่างแน่นอน แต่แน่นอนทั้ง ครม. มีทั้งผู้มีประสบการณ์และมีทั้งรัฐมนตรีใหม่เช่นกัน ฉะนั้นเราปรึกษากันและกันด้วย เพราะด้วยประสบการณ์เหล่านี้ต้องช่วยกันตีความหมายของกฎหมายในบางเรื่องด้วย บางทีบางเรื่องไม่ได้ตอบได้ขาวหรือดำ แต่แน่นอนต้องมีความตั้งใจและดูทุกอย่างปรึกษาทุกหน่วยงานให้รอบคอบรัดกุม
“และอยากจะขอความร่วมมือเลยเราเองอยากทำงานให้ครบ 3 ปีเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการทำงาน ซึ่งอย่างตอนนี้ที่ได้เปลี่ยนนายกฯและ ครม.เราก็พยายามจะตอกย้ำและยืนยันว่าตั้งแต่ของนายกฯเศรษฐา ซึ่งเป็นนายกฯจากพรรคเพื่อไทยเช่นกัน ฉะนั้น นโยบายที่เคยปรึกษาพรรคร่วมฯมาแล้วก็ค่อนข้างที่จะคล้ายเดิม และนโยบายครั้งนี้เราก็ได้ปรึกษาพรรคร่วมฯอีกเช่นกัน ก็เป็นนโยบายที่ต่อเนื่องจากนายกฯเศรษฐา และเป็นความเห็นของพรรคร่วมฯและ ครม.ทุกท่านว่ามีตรงไหนไหมที่จะปรับแก้อย่างไรบ้างให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำปรับแก้ต่างๆ จะทำให้เราสามารถดำเนินนโยบายได้อย่างเต็มที่ และนโยบายที่เราได้มารวบรวมการแถลงในเล่มเป็นนโยบายที่เราใช้ตั้งแต่ตอนหาเสียง และได้ตกลงกับพรรคร่วมฯจนมาถึงอันนี้ก็แอบแง้มได้เลยว่าค่อนข้างนโยบายเหมือนเดิม มีการปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน และมั่นใจว่าจะสามารถทำนโยบายได้สำเร็จ” นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่า นายกฯไม่ได้กังวลกับคิวที่มีการจองกฐินที่รออยู่ข้างหน้าจำนวนมากใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวย้อนถามว่า “คิวกฐินเลยหรือ อันนี้คำเปรียบเทียบใช่ไหม” ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายถึงมีนักร้องที่เตรียมร้องในหลายๆ คดีที่จะตามมา น.ส.แพทองธารหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “แค่สื่อมวลชนถามก็สงสารแล้วเนาะ ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยมีคดีนะคะ พอมาถึงจุดนี้มีคดีก็จะพยายามรับมือให้ได้ดีที่สุด และจริงๆ ไม่อยากมีคดี ลูกยังเล็กอยู่เลยนะคะ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยนามสกุลชินวัตร นายกฯปฏิเสธไม่ได้ด้วยความเป็นพ่อลูกกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำให้มองว่าระบอบทักษิณกลับมาอีกแล้ว และมีการปรามาสว่ายังไงนายกฯหนีไม่พ้นเงานายทักษิณ ตรงนี้จะให้ความมั่นใจหรือความเชื่อมั่นว่าจะลบคำปรามาสตรงนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “จะไม่ขอตอบเรื่องท่านทักษิณแล้ว เพราะว่า เราต้องเดินไปข้างหน้า วิสัยทัศน์ที่ดีไม่ว่าจะมาจากใครก็ตาม อายุเท่าไหร่ก็ตามวิสัยทัศน์ที่ดีคือสิ่งที่ดี ฉะนั้นขอตอบแค่นี้”
เมื่อถามว่า กรณีที่บอกจะเริ่มทำทันที โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท เดือนกันยายนนี้ เห็นได้ทันทีหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในเรื่องของไทม์ไลน์ต้องขออนุญาตให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง พูดในรายละเอียด แต่แน่นอนการกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดขึ้นทันทีแน่นอน เพราะเป็นข้อแรกที่เราต้องเน้นย้ำและผลักดันต่อไป
จากนั้น น.ส.แพทองธารตอบคำถามสื่อมวลชนต่างประเทศ ที่ถามถึงกรณีที่หลายประเทศมีความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทย นายกฯจะสื่อสารกับต่างชาติเกี่ยวกับอนาคตของประเทศไทย และเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศอย่างไรว่า “ดิฉันพร้อมที่จะทำให้ประเทศกลับมามีอนาคต และในวันนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็พร้อมที่จะเดินหน้า ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็เป็นความโชคร้ายของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ซึ่งพวกเราเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่พวกเราก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อให้รัฐบาลอยู่ครบวาระ และส่งต่อนโยบายของรัฐบาลไปสู่ประชาชน”