คนส. ห่วงท่าทีคุกคามของผู้บริหาร ม.มหิดล หนุนสถาบันสิทธิมนุษยชนฯ กล้าหาญทางวิชาการ

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เฟซบุ๊กแฟนเพจ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) ซึ่งเป็นกลุ่มของอาจารย์จากหลายสถาบันที่มีจุดยืนทางวิชาการเพื่อส่งเสริมสังคมให้ตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพ และสนับสนุนการสร้างสังคมที่มีความเป็นประชาธิปไตย เคารพหลักสิทธิมนุษยชน ได้ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ต่อกรณีมหาวิทยาลัยมหิดลแสดงท่าทีคุกคามการแสดงบทบาททางวิชาการต่อสังคมของสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา โดยมีเนื้อหาใจความระบุว่า

“สืบเนื่องจากกรณีที่สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560 เรื่อง “การใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พุทธศักราช 2560 เป็นการใช้อำนาจเผด็จการและขัดกับหลักนิติธรรม” โดยระบุว่าการใช้อำนาจในลักษณะดังกล่าวมีความพร่ำเพรื่อและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน โดยในหลายกรณี รัฐบาลและหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ยังสามารถบังคับใช้มาตรการตามกฎหมายทั่วไปได้ตลอดจนเรียกร้องให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติยุติการใช้อำนาจตามมาตรา 44 นั้น

วันต่อมา มหาวิทยาลัยมหิดลได้ออกแถลงการณ์ตำหนิการออกแถลงการณ์ของสถาบันสิทธิมนุษยชนฯ ว่า มิใช่การใช้เสรีภาพทางวิชาการ เป็นการแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยมหิดลในทางที่เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย และทางมหาวิทยาลัยจะตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาทางวินัยต่อไป

เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) จึงขอแถลงท่าทีต่อกรณีดังกล่าว ดังนี้

Advertisement

1. คนส. ขอให้กำลังใจและสนับสนุนการแสดงบทบาททางวิชาการของสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ที่แสดงความเห็นและท่าทีต่อสาธารณะในสถานการณ์ที่มีแนวโน้มคุกคามสิทธิมนุษยชน อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าสถาบันสิทธิมนุษยชนฯ ตระหนักในบทบาทของสถาบันวิชาการที่มีพันธกิจต่อสังคม ไม่แยกขาดตนเองออกจากสังคม แต่เชื่อมโยงการเรียนรู้และการศึกษาวิจัยด้านสิทธิมนุษยชนที่สัมพันธ์กับสังคมอีกทั้งการทำหน้าที่ของสถาบันสิทธิมนุษยชนฯ ก็มิได้จำกัดอยู่เพียงเสรีภาพทางวิชาการ แต่ยังเป็นการทำหน้าที่ในฐานะนักวิชาการบนฐานของความรู้และความเชี่ยวชาญในวิชาสิทธิมนุษยชน ซึ่งสะท้อนถึงสำนึกแห่งอาชีวปฏิญาณและจรรยาบรรณทางวิชาการ สมดังคำขวัญของมหาวิทยาลัยมหิดลว่า “ปัญญาของแผ่นดิน” และในกรณีนี้ ก็เป็นการแสดงท่าทีต่อสาธารณะเพื่อชี้ให้เห็นถึงอันตรายของการใช้อำนาจที่ปราศจากการตรวจสอบถ่วงดุลและขาดความชอบธรรมภายใต้รัฐบาลที่มาจากคณะรัฐประหาร จึงถือได้ว่า สถาบันสิทธิมนุษยชนฯได้แสดงออกถึงความกล้าหาญทางวิชาการที่สมควรได้รับการยกย่องสรรเสริญและปกป้อง

2. คนส. ขอแสดงความเสียใจต่อท่าทีของผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดลที่ออกแถลงการณ์ตำหนิสถาบันในสังกัดของตนเอง และขอเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยมหิดลยุติการดำเนินการทางวินัยต่อคณาจารย์สถาบันสิทธิมนุษยชนฯ คนส. ไม่เห็นว่า แถลงการณ์ดังกล่าวของสถาบันสิทธิมนุษยชนฯ จะเป็นการแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยแต่อย่างไร ในอดีตก็มีบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดล ทั้งในนามบุคคลและในนามมหาวิทยาลัยได้ออกมาแสดงท่าทีทางการเมืองเรียกร้องกดดันให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป กระทั่งให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งลาออก ซึ่งหากพิจารณาบริบทในขณะนั้นก็อาจถือได้ว่าหมิ่นเหม่ต่อการผิดวินัยราชการแต่ก็ไม่ปรากฏว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยขณะนั้นจะมีการตำหนิการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด

3. คนส.ขอเสนอว่า หากผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดลมีความเห็นและทัศนะที่แตกต่างจากสถาบันสิทธิมนุษยชนฯ ก็ควรจะชี้แจงหักล้างด้วยข้อมูลและเหตุผลตามวิถีที่นักวิชาการที่เห็นต่างจะโต้แย้งกันอย่างตรงไปตรงมาดังเช่นที่สถาบันสิทธิมนุษยชนฯ ได้แสดงเหตุผลประกอบในแถลงการณ์ แต่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยไม่ควรใช้วิธีการข่มขู่ด้วยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและดำเนินการทางวินัยเพื่อปิดกั้นการแสดงความเห็นทางวิชาการของสถาบันฯการดำเนินการดังกล่าวจะยิ่งเป็นการแสดงชัดเจนว่า ผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดลเลือกที่จะเอนเอียงเข้าข้างและปกป้องการใช้อำนาจอันไม่ชอบธรรมที่มาจากรัฐประหาร ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อชื่อเสียงภาพพจน์และสถานะของมหาวิทยาลัยมหิดลเองในระยะยาว

Advertisement

คนส.ขอยืนยันในสิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็นทางการเมือง สิทธิวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในกรณีการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม และการเคารพปกป้องหลักการสิทธิมนุษยชน อันเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างสังคมที่สงบสุขและเป็นประชาธิปไตย

เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.)
27 กุมภาพันธ์ 2560

ทั้งนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่ สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ได้ออกแถลงการณ์ในช่วงดึกของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เรียกร้องให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ยุติการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ภายหลังเกิดเหตุอันน่าสลดเมื่อนายอนวัช ธนเจริญณัฐ ได้ทำการผูกคอฆ่าตัวตายบนเสาส่งสัญญาณสถานีเบสของโทรศัพท์ตั้งอยู่ภายในซอยใกล้กับตลาดกลางคลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อเวลาราว 21.00 น. ของวันดังกล่าว เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้อำนาจตาม มาตรา 44

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาของช่วงเช้าของวานนี้ (26 กุมภาพันธ์) เฟซบุ๊กแฟนเพจของมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางมหาวิทยาลัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแถลงการณ์ของกลุ่มบุคคลในนาม “สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา” พร้อมขอให้กลุ่มบุคคลยุติการกระทำดังกล่าวในทันที โดยมองการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ใช่เสรีภาพทางวิชาการ เป็นการแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยมหิดลให้เสียสื่อเสียง และจะมีการตั้งคณะกรรมสอบสวนทางวินัยต่อกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างดังกล่าวอีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image