‘หมอเปรม’ จ่อชำแหละดิจิทัลวอลเล็ต-30บาทรักษาทุกที่ ชี้ทำได้แต่ต้องไม่กระทบงบปกติ เหน็บอย่าประชานิยมรอเลือกตั้งปี’70
เมื่อวันที่ 8 กันยายน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ว. เปิดเผยว่า ในการแถลงนโยบายรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12-13 กันยายนนี้ ตนตั้งใจจะอภิปรายเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และนโยบายด้านสาธารณสุข ซึ่งจะอภิปรายมุ่งไปในทางที่ให้เห็นปัญหาที่แท้จริงของประชาชน โดยเฉพาะการแจกเงิน ไม่ใช่คำตอบที่แก้ปัญหาความยากจนได้ แต่เมื่อรัฐบาลได้หาเสียงไว้อย่างนี้ก็ต้องทำตามสัญญาประชาคม อย่างไรก็ตาม ก็ต้องไม่ผิดกฎหมายและจริยธรรม เพราะเรื่องการจะผันแปรเป็นรูปเงินสด หรือดิจิทัลวอลเล็ต ก็ขึ้นอยู่กับหลักกฎหมายเช่นเดิม เพราะเงินทั้งหมดขณะนี้ที่ออกไปแน่ๆ คือเงินงบประมาณเพิ่ม ปี 67 จำนวน 1.22 แสนล้านบาท ที่จะไปแจกกลุ่มเปราะบางในเดือนกันยายน ตนอยากให้ดำเนินการให้ไม่เป็นที่กังขาของประชาชน และสามารถอธิบายได้ถึงกลุ่มที่ยังรอคอยการช่วยเหลือจากรัฐบาล ว่าจะดำเนินการอย่างไร
เช่น งบ 68 จะเอามาจากส่วนไหน ทำอย่างไรไม่ให้ผิดหลักกฎหมายและไม่กระทบต่องบกลาง ที่จะต้องนำไปช่วยเหลือภัยพิบัติฉุกเฉินและเหตุการณ์เฉพาะหน้า ที่ไม่มีใครคาดคิดที่รัฐบาลต้องมีเงินสำรองไว้แก้ปัญหา ถ้าเอาไปแจกเป็นเงินดิจิทัลวอลเล็ต ก็จะขาดเงินส่วนนี้ ดังนั้น รัฐบาลต้องวางแผนงานอย่างดี อย่างน้ำท่วมที่รอดูว่าจะลงมากรุงเทพฯเมื่อไหร่ก็ต้องใช้งบกลางเพื่อแก้ปัญหาเหมือนกัน
เมื่อถามว่า นโยบายเร่งด่วน 10 ข้อมองว่าข้อไหนที่ทำได้ยาก นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า ดูแล้วจะเป็นเรื่องของนโยบายการคลัง ซึ่งเป็นนโยบายที่จะต้องทำความเข้าใจทุกภาคส่วนเพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยผู้ว่าการ ก็ยืนหลักอย่างแข็งแกร่งมาตลอด ซึ่งจะต้องมีความเห็นชอบเสียก่อนถึงจะดำเนินการไม่ให้มีข้อขัดแย้งกัน ทำให้ดำเนินการตามที่ประกาศไว้ไม่ได้ นโยบายการเงินการคลังเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากเกี่ยวข้องกับวินัยการเงินการคลังของประเทศถ้าไม่มีหลักเสียเลย ปัญหาก็จะกลายเป็นปัญหาได้ จะกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะเกิดปัญหาใหม่ที่ร้ายแรงกว่า ดังนั้น รัฐบาลต้องฟังเสียงองค์กรที่เป็นหลักในเรื่องวินัยการเงินการคลัง คือ ธปท.ด้วย
“ส่วนอื่นๆ ที่เป็นประชานิยมก็ต้องเป็นการประเมินผลได้ว่า การทำประชานิยมกระทบต่อเงินที่ใช้บริหารปกติของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ หรือไม่ เพราะแน่นอนว่าประชานิยมคือต้องการสร้างฐานเสียงไว้ล่วงหน้า รอรับการเลือกตั้งในปี 70 บางทีรัฐบาลอาจต้องมองเรื่องสถานะการเงินการคลังในช่วงนี้ไปก่อนไม่ใช่ว่ามองเฉพาะหน้าเท่านั้น” นพ.เปรมศักดิ์กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายสาธารณสุข ที่ตนเตรียมอภิปรายนั้น คือนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ที่ขณะนี้มาเป็นเฟสที่ 3 แล้ว ซึ่งจังหวัดที่จะต้องดำเนินการให้เหมือนกับเป็นหัวใจที่สุดคือกรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯเป็นที่รวมของคนจากทุกภาคทุกจังหวัด จะสามารถใช้ 30 บาทรักษาทุกที่กับศูนย์บริการสุขภาพของ กทม.ได้หรือไม่ หรือจะสามารถใช้กับร้านยาในโครงการของ สปสช. หรือการให้บริการอีกเจ็ดอย่างของ สปชส. ให้เกิดการครอบคลุมและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการให้ได้เพราะกรุงเทพฯมีประชากรแฝงจำนวนมาก ดังนั้น ถ้าดำเนินการในกรุงเทพฯได้ไม่ดี ก็เท่ากับเป็นความล้มเหลวของนโยบายนี้