“พรรคประชาชน” แนะ กทม. เปิดสาธารณะความเห็นประชาชนต่อร่างผังเมืองรวม อย่าด่วนส่งมหาดไทย หวั่นประชาชนถูกตัดขาดจากกระบวนการ พร้อมตั้ง 9 ข้อสังเกต จี้ กทม. ชี้แจงให้ชัด
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ ส.ส.กทม., นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. และ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.กทม. ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ตาม พ.ร.บ.ผังเมือง 2562 ภายหลังเสร็จขั้นตอนรับฟังความเห็นของประชาชน เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งอดีตพรรคก้าวไกลต่อเนื่องถึงพรรคประชาชน ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง
โดยณัฐพงศ์ กล่าวว่า ขั้นตอนและกระบวนการในการวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร มีทั้งหมด 18 ขั้นตอน โดยขั้นตอนที่ 5 คือการประชุมรับฟังความคิดเห็น และการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งพวกเรา ส.ส.กทม. พรรคประชาชนรู้สึกภาคภูมิใจที่มีส่วนทำให้ประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้กรุงเทพฯ ตัดสินใจขยายเวลารับฟังความคิดเห็นออกไปอีก 6 เดือน และมีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจนครบ 50 เขต
จากการเข้าร่วมสังเกตการณ์เวทีรับฟังความคิดเห็นในเขตต่างๆ พบว่า มีทั้งสิ่งที่ดีขึ้น และสิ่งที่ควรปรับปรุง เช่น มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นอย่างทั่วถึง ไม่รวบรัดขั้นตอน และไม่จำกัดการแสดงความคิดเห็นของประชาชน รวมถึงมีเอกสารประกอบให้อย่างครบถ้วน อย่างไรก็ตาม เวทีรับฟังความคิดเห็นส่วนใหญ่ยังมีผู้เข้าร่วมจำนวนน้อย เพียง 20-30 คน ประชาชนที่รับทราบอยู่ในวงจำกัด และอาจมีเนื้อหาที่เข้าใจได้ยาก กทม. จึงควรสื่อสารกับประชาชนมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีหลายประเด็นในเชิงเนื้อหาที่ประชาชนเรียกร้อง จนน่าจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เช่น กรณีการขยายถนนสาย ก. (ขนาดเขตทาง 12 เมตร) และสาย ข. (ขนาดเขตทาง 16 เมตร) ที่ปรากฎตามร่างผังโครงการคมนาคมขนส่งมานานหลายปี แต่ยังไม่มีความคืบหน้า และมีแนวโน้มว่า ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ยังคงปรากฎในผัง ทำให้พี่น้องประชาชนกังวลใจว่า คนที่มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน หรือมีที่พักอาศัยในบริเวณที่เป็นถนน จะถูกรอนสิทธิ์หรือเวนคืนหรือไม่ ต่อมาผู้แทนจากสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กทม. ได้ยืนยันในทุกเวทีแล้วว่า จะมีการยกเลิกการขยายถนนสาย ก. และสาย ข. ที่ประชาชนไม่เห็นด้วย และจะไปปรับปรุงโครงข่ายในบริเวณที่สามารถพัฒนาได้จริงแทน
อีกกรณีคือแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน คือ พื้นที่สีขาวและมีกรอบกับเส้นทแยงสีเขียว หรือเรียกว่า “พื้นที่เขียวลาย” เป็นพื้นที่อนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมในฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก เช่น เขตหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง ที่เดิมถูกออกแบบไว้เป็นพื้นที่รับน้ำ ก็ได้ทราบว่า กทม. กำลังพิจารณาลดขนาดความกว้างของพื้นที่เขียวลาย จากเดิม 5 กิโลเมตร เหลือ 1 กิโลเมตร และเปลี่ยนไปใช้คลองและท่อในการระบายน้ำมากขึ้น เนื่องจากผู้แทนของ กทม. เคยให้ข้อมูลว่าพื้นที่บริเวณนั้นไม่ได้ใช้ในการรับน้ำอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 6 สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กทม. จะต้องนำความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทั้งหมดไปประมวลผลเพื่อปรับปรุงร่างฯ และนำเข้าสู่การพิจารณาของชั้นคณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวม รับฟังความคิดเห็นจากกรมโยธาธิการและผังเมือง และคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดต่อไป
หลังจากนั้นในขั้นตอนที่ 10 ประชาชนจะได้เห็นร่างผังเมืองรวมฉบับปรับปรุงในขั้นตอนการปิดประกาศ 90 วัน เราจะได้เห็นว่า ความเห็นของประชาชนถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงร่างฯ หรือไม่ นี่จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ประชาชนจะได้มีส่วนร่วมตาม พ.ร.บ.ผังเมืองฉบับนี้ จึงขอให้ร่วมกันติดตามเรื่องนี้ต่อไป
ด้าน นายศุภณัฐ กล่าวว่า ในขั้นตอนรับฟังความคิดเห็น มีประชาชนเข้าไปแสดงความเห็นอย่างล้นหลามประมาณเป็นหมื่นความเห็น ถือว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ต่อการจัดทำผังเมืองในอนาคต อย่างไรก็ดี สิ่งที่พรรคประชาชนขอเรียกร้องไปยังกรุงเทพมหานครต่อจากนี้ คือเรื่องการเปิดเผยความเห็นทั้งหมดของประชาชน พร้อมทั้งการให้เหตุผลว่าความเห็นที่มีการนำเสนอนั้นเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย และได้มีการนำไปปฎิบัติตามหรือไม่อย่างไร ที่สำคัญกรุงเทพมหานครต้องนำร่างฯ ใหม่มาให้ประชาชนพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนส่งร่างฯ ไปยังขั้นต่อไป เพื่อให้ประชาชนเห็นภาพรวมว่าผังเมืองที่มีการปรับแก้ไขนั้นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับที่ประชาชนแสดงความเห็นไว้หรือไม่
“ขอให้กทม.อย่าเพิ่งรีบส่งร่างให้มหาดไทย ขอให้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้พิจารณาและแสดงความเห็นอย่างถี่ถ้วนก่อนเพราะเมื่อส่งร่างผังเมืองให้มหาดไทยแล้ว โอกาสในการแก้แทบเป็นไปไม่ได้” นายศุภณัฐกล่าว
นายศุภณัฐ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องในแง่หลักการการทำผังเมืองรวมที่อยากเชิญชวนประชาชนร่วมกับจับตา และพรรคประชาชนขอเรียกร้องความชัดเจนจาก กทม. ไม่ว่าจะเป็น (1) ผังสีขาว ซึ่งเป็นที่ดินทหาร ที่ไม่มีกฎหมายผังเมืองไปกำกับ เสมือนว่าเป็นรัฐอิสระ จะทำอะไรก็ได้ อยู่เหนือกฎหมายผังเมือง ต่างจากที่ดินของพี่น้องประชาชนที่กำหนดชัดเจนว่า ให้ทำอะไรได้หรือไม่ได้ ทางเราทราบมาว่าทหารไม่ได้ติดขัดถ้าจะมีกฎหมายไปกำกับ จึงขอทราบความชัดเจนจากกรุงเทพฯ ว่าที่ดินผังสีขาวของทหารจะต้องให้อยู่ใต้ผังเมือง ได้หรือยัง
(2) ผังที่โล่ง ซึ่งกำหนดให้เป็นสถานที่สาธารณะประโยชน์เพื่อการนันทนาการและการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่พบว่ามีการนำสนามกอล์ฟของเอกชนที่มีการเก็บค่าบริการมาใส่ในผังที่โล่งด้วย ซึ่งขัดกับเจตนารมย์ การทำผังเมือง ทาง กทม. จะปรับแก้หรือไม่ (3) ผังสีเขียวลาย แม้มีแนวโน้มที่ชัดเจนว่า กทม. จะลดพื้นที่ทางน้ำไหลผ่าน (floodway) แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เหลืออยู่ ต้องการความชัดเจนว่า กทม. จะมีกลไกอย่างไรในการดูแลประชาชนที่ถูกรอนสิทธิ์อยู่ในพื้นที่
(4) ตรรกะในการปรับผังสีแดงที่ให้มี FAR (Floor to Area Ratio) หรืออัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน สูงขึ้น ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนในหลักการ บางแปลงมีการปรับอย่างเฉพาะเจาะจง และ กทม. ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเลือกปรับแปลงนี้ ในขณะที่แปลงติดกันหรือแปลงที่มีคุณสมบัติเหมือนกันในทำเลเดียวกัน กลับปรับให้ไม่เท่ากันหรือไม่ได้รับการปรับ นอกจากนั้นที่ดินบางแปลงยังบังเอิญไปตรงกับที่ดินของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ จึงอดคิดไม่ได้ว่าอาจมีรายการ “คุณขอมา” หรือไม่
(5) ผังสีน้ำเงิน ซึ่งสงวนไว้ทำสถานที่ราชการ แต่กลับปรับผังสีน้ำเงินเปลี่ยนเป็นสีแดง เพื่อเตรียมนำที่ดินของรัฐเหล่านั้นไปให้ใครบางคนมาทำกิจการบางอย่างหรือไม่อย่างไร อยากให้ กทม. ชี้แจงเหตุผลในการปรับ และควรแจ้งประชาชนให้ทราบอย่างชัดเจน ทั้งนี้ พรรคประชาชนไม่ได้คัดค้านการนำที่ดินของภาครัฐบางแห่งมาทำกิจการเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้ แต่สิ่งที่เราสงสัยคือประชาชนรับทราบการกระทำเหล่านี้มาก่อนหรือไม่ ได้มีการแจ้งประชาชนหรือไม่ และการปรับตรงนี้จะปรับเพื่อเปิดกว้างให้ทุกกลุ่มเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมหรือไม่
“ทำไมกลุ่มทุนบางกลุ่มมีการขยับตัวต่อบางพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ทำไมพวกเขาถึงรู้ล่วงหน้าหรือมั่นใจว่าจะมีการปรับผังในลักษณะนี้ มีการคุยกันหลังบ้านมาก่อนหรือไม่ หรือมีประชาชนคนไหนเรียกร้องหรือว่าอยากให้ที่ดินของราชการตรงนี้ลดน้อยลงแล้วเปลี่ยนเป็นที่ดินเชิงพาณิชย์มากขึ้น หรือส่วนใหญ่เป็นการเรียกร้องของกลุ่มทุนเป็นหลัก” นายศุภณัฐกล่าว
(6) มีที่ดินหลายแปลงอยู่ในแนวที่จะถูกเวนคืนทำถนนและสะพาน แต่แนวนี้มีมานานแล้ว ไม่มีการทำเสียที อาจติดปํญหาเรื่องงบประมาณ หรือการจัดลำดับความสำคัญ ทำให้ประชาชนเจ้าของที่ดินไม่สามารถทำอะไรกับที่ดินได้ เพราะเกรงว่าจะมีการเวนคืน ในขณะที่คนจะซื้อก็ไม่กล้าซื้อเพราะกลัวซื้อแล้วจะถูกเวนคืน
(7) เรื่องการปรับ FAR Bonus (มาตรการส่งเสริมการพัฒนาด้วยการเพิ่มอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน) ให้เจาะจงในแต่ละพื้นที่เพื่อให้ตอบสนองต่อปัญหาในแต่ละพื้นที่และตรงกับความต้องการของประชาชน ซึ่ง กทม. ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะปรับอย่างไร (8) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภท มีความผิดปกติหรือไม่สมเหตุสมผล เช่น การอนุญาตสร้างโรงแรมหรือสร้างสำนักงานในผังสีน้ำตาล ซึ่งหลายผังสามารถสร้างได้มากกว่าผังสีแดงบางผังด้วยซ้ำ หรือการกำหนดให้สร้างโรงงานขยะในผังสีเหลือง หรือการให้สร้างแพลนปูนในกรุงเทพฯ
และ (9) การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินของกิจการหรืออาคารบางประเภทให้มีความชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะเป็นการตีขลุม เนื่องจากมีหลายกิจการที่ถูกจัดอยู่ในประเภทพาณิชย์ แต่ประชาชนไม่สามารถรู้ได้ว่าจริงๆ แล้วเป็นพาณิชย์อะไร เช่น สถานบริการ หรือบางกิจการที่อาจสร้างข้อถกเถียงในสังคมในอนาคตขึ้นได้ถ้ามีการออกใบอนุญาต จึงขอให้กทม. ประสานกับหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อทราบว่าจะมีการอนุญาตกิจการเหล่านี้หรือไม่ หากมี ขอให้จัดประเภทใหม่และใส่ในร่างผังเมืองให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันความขัดแย้งและสร้างความชัดเจนให้ประชาชนในพื้นที่
นานธีรัจชัย กล่าวว่า การจัดทำผังเมืองรวม กทม. ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเริ่มทำผังเมืองใหม่ตาม พ.ร.บ. ผังเมือง 2562 แต่เป็นการนำร่างผังเมืองที่จัดทำตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งยังมีองค์ประกอบไม่ครบ นำเอามา “ล้างน้ำ” และรับฟังความคิดเห็นใหม่ ซึ่งการทำเช่นนี้อาจคลาดเคลื่อนต่อหลักการของ พ.ร.บ.ผังเมือง 2562 โดยเฉพาะมาตรา 9 ที่ระบุว่าก่อนการจัดทำผังเมือง ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบด้วยวิธีการที่หลากหลายและทั่วถึง เพียงพอต่อการที่ประชาชนจะเข้าใจถึงผลกระทบและแนวทางการเยียวยาความเดือดร้อน หรือความเสียหายแก่ประชาชนหรือชุมชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ เป็นการนำร่างผังเมืองเก่ามารับฟังความเห็นทันที นี่คือข้อผิดปกติ
ในการรับฟังความคิดเห็นที่ได้ไปสังเกตการณ์ มักจะเอาข้อดีของผังเมืองที่ทำสำเร็จรูปมาแล้วให้ประชาชนฟังและให้รายละเอียดที่เป็นเทคนิคซับซ้อน กลายเป็นพิธีการการรับฟัง โดยไม่มีการพูดถึงผังเมืองที่ดีว่าควรเป็นอย่างไร ไม่มีกรอบแนวความคิดเรื่องการสร้างเมืองระยะยาวที่น่าอยู่สำหรับคนทุกคน ทำให้เป็นที่สงสัยว่าร่างผังเมืองนี้เอื้อประโยชน์คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่เมืองเพื่อคนทุกกลุ่มหรือไม่
นายธีรัจชัย กล่าวว่า ขณะนี้พรรคประชาชน โดยทีมผังเมืองกำลังร่างกฎหมายผังเมือง โดยจะเริ่มจากการวางแนวคิดการทำผังเมืองที่ดีก่อน ซึ่งเราสามารถเรียนรู้ได้จากหลายเมืองทั่วโลก ไม่ว่า จะเป็นการวางระบบสาธารณูปโภคที่มีความเป็นธรรม รักษาสมดุลกับสิ่งแวดล้อม จากนั้นค่อยลงรายละเอียดให้ประชาชนแสดงความเห็น พร้อมกันนี้ พรรคประชาชนจะติดตามตรวจสอบการจัดทำร่างผังเมืองรวมของ กทม. ต่อไป เพื่อสร้างกรุงเทพฯ ที่เป็นเมืองของทุกคน