ชาญวิทย์ซุ่มซ้อมเข้ม! จัดเต็มแสดงสด ‘ถ้วยสาเกจักรพรรดิ’ ชวนตีความใหม่ในงาน ‘เสียง-สามัญชน’ ชี้เป้าจ้องบท ‘ซ่อนนู่นซ่อนนี่ไว้เยอะ’

แฟ้มภาพ
แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 9 กันยายน ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมตัวเพื่อขึ้นทำการแสดงชุด ‘An Imperial Sake Cup and I’ ในงาน ‘Talks for Thailand 2024 เสียง-สามัญชน’ ซึ่งเครือมติชนจะจัดขึ้นในวันที่ 12 กันยายนนี้ ที่ลิโด้ 2 สยามสแควร์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 14.00 น.

โดยมีเนื้อหาบอกเล่าความสัมพันธ์ของศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์กับประเทศญี่ปุ่น นับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จวบจนการลุกฮือต่อต้านรัฐบาลของนักศึกษาไทยในทศวรรษที่ 70 ผ่าน ‘ถ้วยสาเก’ ที่ได้รับพระราชทานเป็นของที่ระลึกจากจักรพรรดิอากิฮิโตะเมื่อ 60 ปีก่อน

ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ กล่าวว่า วานนี้ (8 กันยายน) ตนได้เดินทางไปซ้อมเป็นครั้งแรกที่สตูดิโอแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ และจากนี้ไปจะซ้อมถี่ขึ้น คือ วันที่ 10 กันยายน ณ สตูดิโอแห่งเดิม จากนั้นในวันที่ 11 กันยายนจะซ้อมใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย ณ สถานที่แสดงจริงคือ ลิโด้ 2 สยามแสควร์ ก่อนแสดงในงานวันที่ 12 กันยายนที่จะถึงนี้ สำหรับครั้งนี้เป็นการแสดงที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ความตื่นเต้นจึงน้อยลง รูปแบบยังคงเป็น Lecture Performance ด้วยการอิงบทดั้งเดิม แต่ด้วยความเป็นงานศิลปะ ย่อมซ่อนประเด็นต่างๆไว้ให้ผู้ชมได้ตีความในมุมมองใหม่ได้เสมอ

ADVERTISMENT

“ที่ผ่านมา เคยแสดงแล้ว 4 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2563 ที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะใหม่เอี่ยม จังหวัดเชียงใหม่ 1 รอบ ได้รับการสนับสนุนโดย มูลนิธิ จิม ทอมป์สัน และเจแปน ฟาวน์เดชั่น เปิดให้เข้าชมฟรี ซึ่งผมตกใจที่คนมาดูเยอะมากราวๆ 200 คนต่อมา ปี 2565 หลังโควิด ญี่ปุ่นต้องการเปิดประเทศ ทีมงานได้รับการติดต่อจากโตเกียว เฟสติวัลซึ่งนำการแสดงจากทั่วโลกไปในงาน จึงได้เข้าไปแสดง 3 รอบที่โตเกียว เมโทรโพลิแทนซึ่งเป็นโรงละครประจำมหานครโตเกียว ตั้งแต่เกิดมาไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ไปแสดงที่นั่น ซึ่งเป็นเธียเตอร์ใหญ่มากๆ อยู่กลางเมือง ตอนนั้นได้รับการปั๊มพาสปอร์ตว่า ผมคือเอนเตอร์เทนเนอร์เป็นครั้งแรกในชีวิต (หัวเราะ) ไม่ใช่อคาเดมิก ไม่ใช่นักวิชาการ แสดงอยู่ 3 รอบ คนมาดูเยอะทีเดียว นักหนังสือพิมพ์ที่นั่นก็มาดู คนไทยที่ทำงานในหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นก็ไปเขียนวิจารณ์ เลยเป็นที่ฮือฮา นั่นคือการแสดงครั้งที่ 2” ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ กล่าว

ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ กล่าวว่า หลังจากนั้น การแสดงครั้งที่ 3 มีขึ้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2566 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือ Bacc เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จำนวน 3 รอบ หลังจากนั้น ในเดือนตุลาคม ปีเดียวกัน มีการแสดงครั้งที่ 4 ที่โรงละคอนแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ด้วยการดำเนินการของ ผศ.ดร. ภาสกร อินทุมาร อาจารย์ประจำสาขาวิชาการละคอน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยแสดง 3 รอบเช่นกัน สำหรับครั้งล่าสุดซึ่งถือเป็นครั้งที่ 5 จัดโดย ‘เครือมติชน’

ADVERTISMENT

“ในครั้งนี้รูปแบบการแสดงและบทยังคงอิงของดั้งเดิม แต่โดยงานศิลปะ ผมคิดว่ามันถูกซ่อนอะไรไว้เยอะ เพื่อคนจะได้ค้นพบว่าเราพูดอะไร คล้ายๆ งานเขียนนิยาย งานภาพเขียน งานละคร งานภาพยนตร์ ผู้สร้าง ผู้กำกับซ่อนอะไรไว้เยอะ โดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัว เราคิดว่าบรรยายไปตามปกติ แต่บทที่ถูกช่วยกันเขียนโดยหลายคน ไม่ใช่คนเดียว ซ่อนนู่นซ่อนนี่ไว้ ผมว่ามันทำให้คนดูในแต่ละรอบที่ต่างวัย ต่างประสบการณ์ ตีความตามที่ตัวเองต้องการ แต่คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ อาจจะอินมากเป็นพิเศษ ชอบก็ชอบเลย มันถูกเขียนด้วยความรู้สึกของยุคเดือนตุลามาจนถึงปัจจุบัน” ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ กล่าว

ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา การแสดง Lecture Performance ชุด ‘An Imperial Sake Cup and I’ ประสบความสำเร็จโดยที่ตนก็นึกไม่ถึง ด้วยการสร้างสรรค์ของทีมงานนำโดย คือ นายธีระวัฒน์ มุลวิไล หรือ ‘คาเงะ’ ศิลปินรางวัลศิลปาธร สาขาการแสดง ผู้ร่วมก่อตั้งคณะละคร B-floor และนายนนทวัฒน์ นำเบญจพล ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เจ้าของผลงาน ‘ดอยบอย’ 

“กลุ่มของ คาเงะ เป็นทั้งผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง ผู้ช่วยเขียนบท ร่วมกับอีกบุคคลหนึ่งซึ่งสำคัญมาก คือ นนทวัฒน์ นำเบญจพล ผมเลยหลุดเข้าไปสู่โลกศิลปิน คนเหล่านี้ ไม่ใช่นักวิชาการ แต่เป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่ทำให้ผมได้ประสบการณ์ใหม่จากการแสดง” ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ กล่าว

เมื่อถามถึงการทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่ในการแสดงชุดดังกล่าว รวมถึงผลตอบรับซึ่งมีกลุ่มคนหลากหลายเจเนอเรชั่นร่วมรับชมเป็นจำนวนมาก ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ กล่าวว่า ตนโชคดีที่ได้พูดคุยกับคนรุ่นใหม่อยู่เสมอ แม้เกษียณอายุราชการมาแล้วกว่า 20 ปีมา แต่ยังเข้าสอนนักศึกษา โดยเฉพาะชั้นปีที่ 1 ทำให้ได้รับฟังอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังได้รู้จักกับคนเจเนอเรชั่น Z และรุ่นหลังจากนั้น เช่น นักเรียรชั้นมัธมยมศึกษาที่มาขอเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก ทำให้ใกล้ชิดกับคนรุ่นใหม่

“ในด้านหนึ่ง ด้วยความบังเอิญ เมื่อราว 10 กว่าปีก่อน ลูกศิษย์ผมสมัครเฟซบุ๊กให้ ทำให้ได้เข้ามาอยู่ในโลกโซเชียล แล้วติดงอมแงม โทรศัพท์มือถือเครื่องที่ 1-5 ที่เคยมีใช้มาแล้วโละทิ้งไปบ้างล้วนเป็นของขวัญจากลูกศิษย์และเพื่อนๆ ที่อายุน้อยกว่า ผมไม่ชอบรับโทรศัพท์บ้าน เพราะเป็นคนรุ่นที่เกิดมาโดยไม่ชินกับการใช้โทรศัพท์ เนื่องจากเป็นของสูง หายาก เมื่อเกิดโทรศัพท์มือถือ เลยรำคาญ รังเกียจมาก แต่เมื่อมาอยู่ในมือแล้วมีโซเชียลมีเดีย พอไม่ได้อยู่เมืองไทย ต้องไปสอนหนังสือต่างประเทศ ไปสิงคโปร์ ไปญี่ปุ่น ไปอเมริกา จึงหันมาเล่นมือถือ แล้วติดงอมแงม ผมอยากคิดว่าเป็นเหตุบังเอิญ เหมือนกับอะไรหลายอย่างในชีวิตของเรา
เช่นเดียวกับการแสดง An Imperial Sake Cup and I ก็มาจากเหตุบังเอิญ มันเริ่มขึ้นครั้งแรกจากการที่ผมต้องการแสดงนิทรรศการเท่านั้น แล้วคุณเจี๊ยบ กฤติยา (กฤติยา กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการ The Jim Thompson Art Center) บอกว่า เชย การเอาของมาวาง ของมันพูดไม่ได้ เลยต้องจัดการแสดงประกอบการบรรยาย หรือ Lecture Performance นี่ก็เป็นเหตุบังเอิญ ผมจึงกลายเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์” ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ กล่าว

ทั้งนี้เวที ‘Talks for Thailand 2024 เสียง-สามัญชน’ จัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 14.00 – 16.30 น. ณ Lido Connect Hall 2 สยามสแควร์ โดยระดมนักวิชาการชั้นนำของประเทศ ได้แก่ นายกษิดิศ อนันทนาธร อาจารย์ภาควิชากฎหมายทั่วไป คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง นักเขียน บรรณาธิการ อาจารย์รุ่นใหม่ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์การเมือง และ ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา นักวิชาการผู้ศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์การเมือง เจ้าของผลงานหนังสือ ขุนศึก ศักดินา พญาอินทรี และราษฎรปฏิวัติ ฯลฯ ขึ้นเวทีถ่ายทอดบทบาทแห่งความมุ่งมั่นของสามัญชนและ เสียงประชาชนที่เป็นพลังร่วมกันสร้างชาติ ขับเคลื่อนประเทศให้เดินไปข้างหน้า เกิดพัฒนาการใหม่ๆ ภายในชาติ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมความเป็นอยู่ มาจนถึงทุกวันนี้

พร้อมด้วยไฮไลต์สุดพิเศษ Lecture Performance โดย ‘ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ’ ในฐานะนักวิชาการลูกชาวบ้าน อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่จะมานำเสนอเสียงของสามัญชนในรูปแบบที่สร้างสรรค์อย่างมีศิลปะ ชวนติดตาม ผ่านเรื่องราวสุดพิเศษในธีม An Imperial Sake Cup and I ซึ่งเคยเปิดรอบการแสดงมาแล้วที่โตเกียว และกรุงเทพฯ โดยได้รับกระแสตอบรับอย่างอบอุ่นจนต้องเพิ่มรอบการแสดง และทิ้งท้ายด้วยการสรุปเนื้อหาทั้งหมด ตอกย้ำให้เห็นคุณค่าแห่งเสียงของประชาชนกับนักวิชาการอิสระชื่อดัง สำรองที่นั่งได้ที่ https://bit.ly/TalksForThailand2024 (จำนวนจำกัด)

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image