รอมฎอน จี้ส่ง ‘พิศาล’ ขึ้นศาล คดีตากใบ หวั่นหมดอายุความ วันนอร์ชี้ยังไม่มีหนังสือขอตัว

สภาเดือด ‘รอมฎอน’ ถามกลางสภา ส่งตัว ‘พิศาล’ ดำเนินคดีตากใบในสมัยประชุมได้หรือไม่ เหตุใกล้หมดอายุความ ‘วันนอร์’ แจงยังไม่มีหนังสือขอตัวมา เผยอยู่มา 40 ปี สภาไม่เคยอนุญาต หวั่นถูกกลั่นแกล้ง ด้าน ‘อดิศร’ สวนทันควัน ต้องไม่ให้ไปเด็ดขาด

เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 11 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้ทนราษฎร มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยในช่วงเปิดโอกาสให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนนั้น นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน หารือว่า ถ้าเรานับจากวันนี้ถึงวันที่ 25 ต.ค. คือวันครบรบ 20 ปีเหตุการณ์ตากใบ ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดอายุความ ก็จะเหลือเวลาอีก 44 วันเท่านั้น และตอนนี้ความคืบหน้าของคดีคือศาลประทับรับฟ้อง จากโจทก์ที่ประชาชน 48 ราย ยื่นฟ้องต่ออดีตเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

นายรอมฎอนกล่าวว่า จึงขอถามประธาน เพราะทราบมาว่ามีหนึ่งในผู้เสียหาย ซึ่งเป็นภรรยาของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีที่แล้วทำหนังสือร้องเรียนของประชาชนที่ทำถึงประธานสภา ผ่าน นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภา ไม่แน่ใจว่าประธานสภาได้รับหนังสือหรือยัง

นายรอมฎอนกล่าวต่อว่า จึงขอหารือว่าเนื่องจากในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ย.) ศาลจะนัดเบิกคำให้การจำเลยครั้งแรก ซึ่งญาติผู้เสียหายขอให้ประธานและ ส.ส.โปรดให้ความสำคัญกับการอำนวยความยุติธรรม และได้ให้กระบวนการศาลพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ขอให้ท่านอนุญาติให้ พล.อ.พิศาลเดินทางไปศาลในวันที่ 12 ก.ย. และในวันถัดไปที่มีการนัด

ADVERTISMENT

“จึงขอปรึกษาว่าแนวทางปฏิบัติของสภาเป็นอย่างไร เพราะน่าจะเกี่ยวข้องกับมาตรา 125 ของรัฐธรรมนูญ จึง อยากทราบว่าเรื่องนี้แนวทางจะเป็นอย่างไร เพราะเราต้องการให้การอำนวยความยุติธรรมผ่านกลไกของศาล สามารถทำงาน และคลี่ปมความขัดแย้งที่มีมาตลอด 20 ปีได้” นายรอมฎอนกล่าว

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงว่า เนื่องจากเรามีรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 บัญญัติว่า ในระหว่างสมัยประชุมห้ามมิให้จับ คุมขัง หรือหมายเรียกตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา ให้ไปทำการสอบสวนได้ เพราะฉะนั้นถือเป็นเอกสิทธิ์ที่สมาชิกรัฐสภาได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 แต่วิธีปฏิบัติที่เราเคยปฏิบัติมาคือในกรณีที่ศาลมีความจำเป็นขอสอบสวน หรือตำรวจขอดำเนินคดีในระหว่างสมัยประชุม ก็ขอมาที่ประธาน ซึ่งประธานไม่มีอำนาจ แต่สภาจะเป็นผู้พิจารณาว่าสมควรอนุญาตหรือไม่

“ที่ผ่านมาก็มีจากฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ หรือศาลขอตัว หรือเจ้าตัวของสมาชิกรัฐสภาเองขอไปดำเนินคดี เพราะตัวเองเห็นว่าไม่อยากให้คดียืดเยื้อ ซึ่งก็มาขอที่สภาทุกครั้ง แต่เท่าที่ผ่านมาผมจำได้ว่าสภามักจะให้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 คือจะลงมติไม่อนุญาตให้นำตัวสมาชิกไปดำเนินคดี ดังนั้น ผมอยากเรียนต่อสมาชิกและประชาชนว่ามิได้หมายความว่าสภาของเราทั้งสองสภาจะไม่เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินคดี แต่สภาเห็นว่าเพื่อพิทักษ์เอกสิทธิ์ของสมาชิกเหมือนอย่างที่เขาพูดกัน แต่สมัยโบราณ เกรงว่าสมาชิกฝ่ายค้านหรือที่ไม่ได้อยู่กับฝ่ายรัฐบาล ในสมัยประชุมก็จะถูกกันแกล้งไปฟ้องคดีอาญาแล้วให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปสอบสวนจนไม่สามารถมาปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยเฉพาะดาวสภาทั้งหลาย ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาพูดกัน แต่ยังไม่เคยเกิดขึ้น” ประธานสภากล่าว

ประธานสภากล่าวต่อว่า ที่เขาพูดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกมาเพื่อปกป้องกรณีที่จะมีการกลั่นแกล้งฝ่ายค้าน หรือฝ่ายที่ไม่ถูกกับรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีอำนาจในการที่จะให้ตำรวจเรียกไปไต่สวน หรือคุมขังได้หักเป็นตอนนี้ยิ่งยุ่งใหญ่ ถ้าไปคุมขังก็จะพ้นสภาพจากความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้นสภาก็มองในแง่นี้ ซึ่งอาจมีทั้งข้อดี ข้อเสีย แต่ก็มีหลายคดีที่สมาชิกเองมาขอไปดำเนินคดี สภาก็ไม่ให้ เพราะถ้าให้กรณีนี้กรณีอื่นก็จะต้องให้ และเท่าที่ตนจำได้ที่ 40 กว่าปีในสภานี้ก็จะเป็นอย่างนี้ ตนเรียนข้อมูลข้อเท็จจริง แต่สมัยก่อนดุเดือดกว่านี้ ในทางการเมืองคงเข้าใจ โดยเฉพาะ ส.ส.ทั้งหลายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งก็เกรงว่าจะถูกกลั่นแกล้ง จึงต้องบอกว่าตามมาตรา 125 เขาให้ความคุ้มครองสมาชิก แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือศาลบอกว่าอย่างไรก็ขอดำเนินคดีในระหว่างสมัยประชุม เพราะคดีจะหมดอายุความ ตนก็จะเอามาพิจารณาทั้งที่ไม่มีสิทธิ เว้นแต่สภาจะอนุญาต ดังนั้น ก็ต้องขอสภาให้เป็นผู้อนุญาต

ทำให้นายรอมฎอนอภิปรายอีกว่า เข้าใจว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 125 มี 4 วรรค โดยเฉพาะวรรคสุดท้ายที่บัญญัติว่า “ในกรณีที่มีการฟ้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภาในคดีอาญาไม่ว่าจะได้ฟ้องนอกหรือในสมัยประชุม ศาลจะพิจารณาคดีนั้นในระหว่างสมัยประชุมก็ได้ แต่ต้องไม่เป็นการขัดขวางการที่สมาชิกผู้นั้นจะมาประชุมสภา” ตนเข้าใจว่านี่คือข้อความที่พึงมีในรัฐธรรมนูญปี 60 จึงไม่แน่ใจว่าแนวปฏิบัติเดิมและแนวปฏิบัติใหม่จะเป็นอย่างไร

นายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงว่า ศาลจะพิจารณาได้ ถ้าไม่เกี่ยวกับสมาชิกสภาต้องไปถูกไต่สวน บางครั้งสมาชิกสภาเป็นโจทก์ก็ไม่ต้องไป และไม่มีกฎหมายว่าต้องเอาตัวไป โดยสมาชิกสภาก็มอบหมายให้ทนายไปดำเนินคดีได้โดยที่ศาลเห็นว่าคดีนี้ไม่มีคนคัดค้าน จำเลยก็อยากให้จบเร็ว ฝ่ายโจทก็ไม่ได้ถูกบังคับให้ไปไต่สวนอะไรปล่อยให้เป็นเรื่องของทนาย ก็ดำเนินการได้ ซึ่งมีหลายคดีที่เป็นในรูปนี้คือศาลเห็นว่าสามารถจะดำเนินคดีได้โดยที่สมาชิกสภาไม่ต้องไปในวันประชุมหรือไม่ได้ประชุมก็แล้วแต่แต่ในสมัยประชุมก็ใช้มาตรา 125 แต่สุดท้ายตกลงกันได้ว่าศาลจะดำเนินคดีไม่เสียหาย ฝ่ายสมาชิกสภาฯก็ไม่เสียเวลาก็เคยมีเหมือนกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับคดี

“ในส่วนสภาได้สอบถามแล้ว ศาลยังไม่ได้มีหนังสือขอตัว พล.อ.พิศาลไปดำเนินคดีและผู้ที่ถูกกล่าวหา ที่เป็น ส.ส. ก็ไม่มีหนังสือขอไปดำเนินคดี หากเขาขอก็ต้องขออนุญาตที่สภา หรือศาลขอก็ต้องมาขออนุญาตที่สภา แต่ขณะนี้ไม่มีการขออนุญาตเข้ามาทั้งสองฉบับ” นายวันมูหะมัดนอร์กล่าว

ขณะที่ นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายด้วยว่า วันนี้ (11 ก.ย.) ศาลอาญาได้พิจารณาในคดีที่ตนเป็นจำเลย ข้อหาบงการเหตุการณ์ที่พัทยา เป็นการสืบพยานโจทก์ แต่พิจารณาลับหลัง ซึ่งตนไม่ได้ไป แต่ได้มอบหมายทนายไปดำเนินการแทน ทั้งนี้ เอกสิทธิ์ของ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ที่กำหนดให้ศาลพิจารณาคดีสมัยประชุมก็ได้ แต่หากศาลขอมา สภาเรามีประเพณีว่าไม่ให้โดยกรณีใดทั้งสิ้นโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ ความเป็นจริงตนต้องไปที่ศาลอาญา ซึ่งทุกคนไม่ควรไป ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปศาลเด็ดขาด หากมีธุระควรไปกินกาแฟที่อื่น ดังนั้นเราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องไม่ให้เด็ดขาด

ส่วน นายกมลศักดิ์ ชี้แจงว่า การใช้เอกสิทธิ์ของคดีตากใบ ตามมาตรา 125 วรรคท้าย ทุกคนเป็นห่วงว่าคดีจะขาดอายุความพรุ่งนี้ (12 ก.ย.) หลังศาลรับฟ้องแล้ว นัดสอบคำให้การวันแรก จะครบกำหนดอายุความ 20 ปี ในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ประเด็นคือการนับอายุความต้องนับ 20 ปี เมื่อจำเลย หรือผู้ต้องหาไปศาล หากผู้ที่เป็น ส.ส.ใช้เอกสิทธิไม่ไปศาล เป็นเรื่องของสภาที่คุ้มครอง ส.ส. โดยประธานสภาไม่มีอำนาจ

“เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกของผู้ที่ถูกกล่าวหาที่ศาลรับฟ้องในคดีตากใบว่าหากท่านพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ท่านสามารถเดินทางไปศาลได้ เพราะมาตรา 125 วรรคท้าย ระบุว่าต้องไม่ขัดขวางการประชุม เพราะมีการประชุมวันพุธและพฤหัสบดี แต่วันอื่นไม่มีประชุม ท่านสามารถไปได้ ดังนั้น หากเรื่องนี้เข้าสู่สภาอยากให้เข้าใจว่าคดีนี้ต่างจากคดีอื่นๆ เนื่องจากใกล้หมดอายุความ และเรื่องนี้เป็นเรื่องทั้งสภา ไม่ใช่ประธานสภา”  นายกมลศักดิ์กล่าว

ประธานสภาชี้แจงว่า เรามีข้อบังคับของสภา ข้อ 187 กรณีมีเรื่องที่สภาต้องพิจารณา หรืออนุญาตหรือไม่อนุญาตจับกุม หรือหมายเรียกสมาชิก ไปทำการสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาคดีอาญา ในระหว่างสมัยประชุมตามมาตรา 125 นั้น ให้ประธานสภาบรรจุระเบียบวาระ การพิจารณาก็ต้องพิจารณาตามระเบียบวาระ แต่ขณะนี้ไม่มีเรื่องนี้มาถึงตนเพื่อบรรจุระเบียบวาระ ดังนั้น ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ ต้องขอขอบคุณที่ทุกฝ่ายที่ห่วงใยเรื่องสิทธิของพี่น้องประชาชน