‘มายด์‘ ประทับใจจัด ‘เวทีเสียง-สามัญชน’ ปลุกพลังคนธรมดา ลั่นส่งเสียงคือหน้าที่ ประเทศเปลี่ยนได้หาใช่ด้วยแรง ‘อภิสิทธิ์ชน’
เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ Lido Connect Hall 2 สยามสแควร์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เครือมติชน จัดเวที ‘Talks for Thailand 2024 เสียง-สามัญชน’ ระดมนักวิชาการชั้นนำของประเทศ มาร่วมถ่ายทอดบทบาทแห่งความมุ่งมั่นของสามัญชน ที่เป็นพลังร่วมกันสร้างชาติ ขับเคลื่อนประเทศให้เดินไปข้างหน้า เกิดพัฒนาการใหม่ๆ ภายในชาติ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมความเป็นอยู่ มาจนถึงทุกวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ เวลาประมาณ 12.00 น. วิทยากรทยอยเดินทางมาถึง เพื่อเตรียมตัวขึ้นในเวลาประมาณ 14.30 น. ท่ามกลางผู้บริหารในเครือมติชนให้การต้อนรับ ขณะที่แขกผู้มีเกียรติจากแวดวงต่างๆ และประชาชนซึ่งลงทะเบียนล่วงหน้า ทยอยเดินทางมาเข้าร่วมงานอย่างต่อเนื่องกระทั่งเต็มทุกที่นั่ง
ต่อมาเวลาประมาณ 14.30 น. นายสุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร บรรณาธิการ กอง บก.มติชนสุดสัปดาห์ กล่าวเปิดเสียงสามัญชน จากนั้น นายกษิดิศ อนันทนาธร อาจารย์ภาควิชากฎหมายทั่วไป คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวในหัวข้อ ‘สามัญชนสร้างชาติ : มองสามัญชนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย’ ต่อด้วย ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งกล่าวในหัวข้อ ‘บทบาทพลเมืองไทยในช่วงต้นรัฐประชาชาติ’
กระทั่งเวลา 15.30 น. ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขึ้นเวทีแสดง Lecture Performance ‘ An Imperial Sake Cup and I ‘ถ้วยสาเกจักพรรดิกับเรื่องเล่าสามัญ ของ ขาญวิทย์ เกษตรศิริ’ มีเนื้อหาบอกเล่าความสัมพันธ์ของศาสตราจารย์ พิเศษ ดร.ชาญวิทย์กับประเทศญี่ปุ่น นับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จวบจนการลุกฮือต่อต้านรัฐบาลของนักศึกษาไทยในทศวรรษที่ 70 ผ่าน ‘ถ้วยสาเก’ ที่ได้รับพระราชทานเป็นของที่ระลึกจากจักรพรรดิอากิฮิโตะเมื่อ 60 ปีก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแสดงจบ นางสาวภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ นักกิจกรรมทางการเมือง เจ้าหน้าที่องค์กร CALL ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงาน กล่าวว่า ตนมีความประทับใจต่องานในครั้งนี้เป็นอย่างมาก เพราะสิ่งที่เราได้รับฟังวันนี้มันไม่ใช่เป็นเพียงแค่แรงบันดาลใจบางอย่างให้กับเราในทางการเมืองเพียงเท่านั้น แต่มันเป็นการปลุกความรู้สึกอะไรบางอย่างของการเป็นสามัญชนออกมาด้วย
“ทั้งประทับใจ ทั้งซึ้งในใจ ทั้งนึกถึงการต่อสู้ของคนในอดีตที่ผ่านมา แล้วมันก็จับจุดกับการต่อสู้ในยุคปัจจุบันที่เกิดขึ้นด้วย” น.ส.ภัสราวลี กล่าว
นอกจากนี้ น.ส.ภัสราวลี ยังกล่าวถึงความสำคัญของสามัญชน ซึ่งเป็นผู้มีความสำคัญและเป็นเจ้าของอำนาจในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ว่าหากไร้ซึ่งเสียงของสามัญชน ประเทศชาติก็อาจจะถูกปกครอง เพื่อเอื้อผลประโยชน์ไปสู่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
“มายด์คิดว่าเสียงของสามัญชน ถึงแม้ว่ามันจะพยายามถูกทำให้เลือนหายไปขนาดไหน มันก็คือหน้าที่ของพวกเราสามัญชนนี่แหละ ที่จะยืนหยัดว่าพวกเรายังอยู่ เสียงพวกเรายังมีคุณค่า” น.ส.ภัสราวลีชี้
น.ส.ภัสราวลีกล่าวด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงต่างๆ จะเกิดขึ้นได้นั้น ก็ด้วยเสียงของสามัญชน คนธรรมดาที่ถูกสื่อสารออกมาอย่างต่อเนื่อง และสามัญชนคนธรรมดานั้น จะเป็นส่วนสำคัญในการความเปลี่ยนแปลงสังคม ประเทศชาติต่อไป
“หากสังคมนี้จะเปลี่ยนแปลง มันไม่ได้เปลี่ยนจากอภิสิทธิ์ชน คนกลุ่มเล็ก แต่เกิดจากประชาชน คนทั่วไปนี่แหละ” น.ส.ภัสราวลีกล่าวทิ้งท้าย