‘มาริษ’ แจงนโยบายบัวแก้วยึด ปขช.เป็นศูนย์กลาง ยก 5 ข้อชี้ไทยมีจุดแข็ง สานต่อนโยบายการทูตเชิงรุก เพิ่มบทบาทไทยให้ไทยเด่นชัดในจอเรดาห์ของโลก
เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา
จากนั้นเวลา 20.40 น. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวชี้แจงว่า นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลเน้นการให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ในศตวรรษที่ 21 นโยบายสาธารณะ คือนโยบายต่างประเทศ โดยนโยบายต่างประเทศจะต้องนำมาซึ่งผลประโยชน์ แก่ประเทศชาติ ต้องทำให้ประชาชนมีกินมีใช้ มีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี ต้องเป็นการต่างประเทศที่ประชาชนต้องจับต้องได้ เราจะใช้นโยบายการต่างประเทศ ไปช่วยขับเคลื่อนนโยบายมิติในประเทศ ในการเสริมสร้าง สนับสนุน ส่งเสริมและบูรณาการ เพื่อให้เกิดประโยชน์และความผาสุขแก่ประชาชน กระทรวงการต่างประเทศจะสานต่อนโยบายการทูตเชิงรุก เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และเพิ่มบทบาทของไทยให้ไทยมีความเด่นชัดในจอเรดาห์ของโลก
นายมาริษ ชี้แจงว่า จุดแข็งของไทยคือการที่ไทยไม่มีศัตรู มีมิตรมาก และไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งที่สำคัญใดๆ รวมทั้งการมีที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์และปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคง อำนาจต่อรองและโอกาสให้กับไทยในบริบทโลกที่มีความท้าทายสูงจากการแข่งขันของมหาอำนาจ โดยมีแนวทางการดำเนินการ ดังนี้ 1.เราจะสร้างสมดุลโดยกระชับความสัมพันธ์กับทุกประเทศและขั้วอำนาจ รวมถึงผ่านการเข้าร่วมและผลักดันการจัดทำกรอบความร่วมมือ เช่น OECD / BRICS / PCA เพื่อรักษาจุดเด่นการไม่เลือกข้าง และการเข้ากับทุกขั้วอำนาจได้อย่างสมดุล ซึ่งการที่ประเทศในขั้วอำนาจต่างๆ ตอบรับการมีปฏิสัมพันธ์กับเราอย่างดียิ่งและต่อเนื่อง สะท้อนการตอบรับในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในภูมิภาคยุโรป ซึ่งเว้นช่วงมาระยะหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงการยอมรับและภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นของไทยในเวทีโลก
อีกตัวอย่างสำคัญในกรณีการให้ความช่วยเหลือตัวประกันคนไทย และคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส การที่ไทยไม่ได้เลือกข้างและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย ทำให้เราสามารถพูดคุยได้กับทั้งสองฝ่าย ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ให้ความร่วมมือด้วยดี ทำให้รัฐบาลไทยสามารถช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้เกือบทั้งหมด และเป็นตัวประกันชาวต่างชาติกลุ่มแรกที่ได้รับการปล่อยตัว ตอนนี้ยังมีตัวประกันอีก 6 คน ซึ่งเราก็คุยกับทั้งสองฝ่าย การจะเลือกข้างใดข้างหนึ่งก็จะทำให้ไปคุยกับอีกข้างลำบาก ในตอนนี้เราคุยได้กับทั้งสองข้าง และได้รับความร่วมมือที่ดีจากทั้งสองข้าง
นายมาริษ ชี้แจงต่อว่า รัฐบาลให้ความสำคัญมากกับการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา มาเลเซีย และเวียดนาม เราตระหนักว่าความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้เมื่อเราก้าวไปด้วยกัน โดยเฉพาะในมิติความสัมพันธ์ทวิภาคี 3.การสร้างความเชื่อมโยงกับภูมิภาคอื่นๆ เราจะใช้ประโยชน์จากการมีที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ในการผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงทั้งด้านกายภาพและประชาชน เพื่อส่งเสริมการค้าทั้งชายแดนและระหว่างประเทศ และเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการดึงดูดการลงทุนของไทย
นายมาริษ ชี้แจงว่า 4.การมีจุดยืน นโยบาย ท่าทีที่ชัดเจน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศในทุก ประเด็นสำคัญและในทุกเวทีของโลก รวมถึงการแสดงบทบาทนำในทุกโอกาส การแสดงเจตจำนงเข้าร่วม BRICS เพื่อเสริมศักยภาพในการเป็นผู้เชื่อม/ผู้ประสานความสมดุลระหว่างกลุ่มประเทศต่างๆ และเล่นบทบาทนำในการผลักดันให้กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา มีสิทธิมีเสียง มีบทบาทมากขึ้นในการกำหนดระเบียบโลก ให้มีความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น และ 5.ในเวทีระหว่างประเทศ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์ในประเด็นที่โลกให้ความสำคัญ รวมถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนและค่านิยมประชาธิปไตย
นายมาริษ ชี้แจงอีกว่า โดยในประเด็นสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ตามที่มีท่านผู้อภิปรายได้แสดงความห่วงกังวล ขอให้ไม่ต้องกังวล รัฐบาลให้ความสำคัญซึ่งทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปและประเทศในภูมิภาคยุโรปมีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้น ล่าสุดเมื่อ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านระหว่างไทย-สหภาพยุโรป (หรือ PCA) และการเจรจา FTA ไทย-อียู และ FTA ไทย- สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA)
“อดีตนายกฯ เศรษฐาเป็น 1 ใน 2 ผู้นำที่ได้รับเชิญให้กล่าวถ้อยแถลงในงานครบรอบ 75 ปีของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเมื่อเดือนธ.ค.66 และเดือนมี.ค.66 อดีตนายกฯ เศรษฐา ได้กล่าวถ้อยแถลงผ่านระบบการประชุมทางไกลในการประชุม Summit for Democracy ครั้งที่ 3 ที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไทยได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว” นายมาริษ ระบุ