‘จุลพันธ์’ ย้ำวิสัยทัศน์รัฐบาลมุ่งเป้าเศรษฐกิจโต 5% เผยไม่เกินสิ้นปี ครม.ส่งร่าง ‘พ.ร.บ.ซอฟต์พาวเวอร์’ ให้ถกในสภาได้ แนะฝ่ายค้านเลิกวนเวียนหาคำนิยาม ชี้การถกเถียงไม่ได้ทำให้โครงการสำเร็จ
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 12 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงว่า แนวนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ พรรคเพื่อไทยเราเน้นมิติเศรษฐกิจและปากท้องของพี่น้องประชาชน ซึ่งวิสัยทัศน์ของรัฐบาลนี้เราวาดภาพว่าประเทศไทยที่จะเดินไปในทิศทางหรือจุดใดได้อย่างชัดเจน ส่วนข้อห่วงใยว่า เหตุใดแนวนโยบายจึงคล้ายคลึงกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์นั้น รัฐบาลนี้เราสืบทอดอุดมการณ์มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน มาจนถึงพรรค พม. ดังนั้น จึงไม่ต่างกัน หากเทียบกับพรรคแกนนำฝ่ายค้านที่ก็สืบทอดเจตนารมณ์จากพรรคการเมืองที่ถูกยุบมา ดังนั้น แนวความคิดจึงสืบทอดกันมาเป็นเรื่องปกติ
นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า ส่วนข้อห่วงใยเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจตามศักยภาพของประเทศนั้น ขอยืนยันว่าเรามองต่างกัน เพราะรัฐบาลตั้งเป้าการเติบโตที่ 5 เปอร์เซ็นต์ แม้จะมีข้อจำกัด แต่นี่คือวิสัยทัศน์และความพยายามของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในจุดที่เหมาะสม และกระจายความมั่งคั่งให้ประชาชนได้อย่างเหมาะสม
นายจุลพันธ์กล่าวด้วยว่า ขณะที่โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านการพิจารณาและตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อศึกษาเรื่องนี้มาตั้งแต่ 1 ปีที่แล้ว และได้รับความเห็นชอบผ่านมติเสียงข้างมากของสภา ก่อนจะส่งต่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ซึ่ง ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังศึกษาร่างกฎหมาย และปรับแก้ให้มีความเหมาะสมต่อไป ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันการดำเนินการปรับเปลี่ยนไปมากแล้ว ทั้งเรื่องระเบียบวิธีการต่างๆ ของภาครัฐ รวมถึงมีการทำประชาพิจารณ์ไปกว่า 80% ซึ่งถือว่าประชาชนให้การยอมรับ
นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า โดยในช่วงแรกของการลงทุนจะมีเม็ดเงินลงทุนใหม่จุดละ 1 แสนล้านบาท ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าจุดละ 0.23 และมีการลงทุน 3 ปี ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท รวมถึงการจ้างงานจะได้รับผลในเชิงบวก โดยมีการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 10,000 ตำแหน่งต่อเม็ดเงินลงทุน หลังจากนั้นเมื่อครบ 3-4 ปี ในกระบวนการลงทุนจะเข้าสู่ช่วงเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเต็มอัตรา
“ส่วนข้อห่วงใยในนโยบายซอฟต์พาวเวอร์นั้น อยากให้เลิกวนเวียนอยู่กับการพยายามจำกัดความหมายของคำว่า ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ เพราะโครงการนี้มีแนวคิดสร้างรายได้ อัพสกิล และรีสกิล ให้ประชาชนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน เพื่อให้พ้นจากความยากจน ดังนั้น การที่เรานั่งถกเถียงเรื่องคำนิยามจนแตกฉาน ไม่ได้ทำให้โครงการประสบความสำเร็จ” นายจุลพันธ์ระบุ
นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของ THACCA (Thailand Creative Content Agency) เป็นกลไกที่ต้องรอกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งหัวใจสำคัญของซอฟต์พาวเวอร์ในการที่จะรวบรวมเสน่ห์เหล่านี้ที่มีศักยภาพมาบริหารต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ผ่านนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ หรือ OFOS อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า กระบวนการที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งควรจะแล้วเสร็จก่อนหน้านี้ แต่ติดขัดที่สถานการณ์ทางการเมือง เชื่อว่าอีกไม่กี่เดือนก่อนสิ้นปีนี้ รัฐบาลจะสามารถนำส่งร่างพระราชบัญญัติวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือร่าง พ.ร.บ.ซอฟต์พาวเวอร์ เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.และส่งต่อให้สมาชิกรัฐสภาเพื่อพิจารณาในรายละเอียดต่อไป