“ณัฐชา” ซัด นโยบายยกระดับคุณภาพชีวิต แค่เทคนิคหาเสียง-เอาตัวรอด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก “รบ.เศรษฐา” ชี้หากรัฐบาลจริงใจ ต้องอุดหนุนถ้วนหน้าตั้งแต่แรกเกิด
เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่รัฐสภา การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม
เวลา 13.25 น. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ผ่านมา 1 ปี บอกว่าจะยกระดับประชาชนตามที่รับปากไว้ ผลสุดท้ายสิ่งเดียวที่ยกระดับได้คือ ยกระดับผ้าขาวม้าที่ผูกที่เอวมาผูกที่คอ แต่อย่างอื่นทำไม่ได้เลย ตนถึงบอกว่า วันนี้พี่น้องประชาชนตั้งคำถามว่าแล้วก้าวแรกของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะมีความจริงใจมากน้อยแค่ไหนกับพี่น้องประชาชน วันนี้เรามาดูกันว่า เมื่อตอนหาเสียงนายกฯบอกว่าอยากให้คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไปพร้อมๆ กัน จากคำพูดหาเสียงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเทคนิคการหาเสียง มาสู่คำแถลงนโยบายที่มีคำพูดเหล่านี้เช่นกัน แต่จะกลายเป็นเทคนิคเอาตัวรอดในสภาหรือไม่ เพราะมีการระบุไว้ชัดเจนว่า อยากเห็นคนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แต่เมื่อดูในรายละเอียดเชิงลึกว่าทำอย่างไรบ้าง พบว่าวัยเด็กมีเงินอุดหนุน 600 บาทแบบถ้วนหน้า ก็ยังคงไม่ถ้วนหน้า มีการคัดกรองและพิสูจน์ความจน พิสูจน์รายได้ 1 แสนบาท การที่ตนพูดอย่างนี้เพราะพิสูจน์แล้วว่า 1 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้บรรจุเรื่องเหล่านี้เลย งบประมาณที่เพิ่งผ่านสภาไปก็ไม่มี เพียงแค่เทคนิคการหาเสียงและเอาตัวรอดเท่านั้น
นายณัฐชากล่าวต่อว่า หากเป็นอย่างนี้เราจะหวังการยกระดับคุณภาพใดๆ กับประชากรใหม่ของประเทศนี้ เราจะหวังการยกระดับคุณภาพชีวิตใดๆ ของประชาชน ถ้าเกิดมาในบ้านเมืองนี้แรกเริ่มก็ดูได้ไม่ดีพอทั้งที่การลงทุนในเด็กมีความจำเป็นมากที่สุด เพื่อที่ประเทศจะได้พัฒนาบุคลากร และสุดท้ายก็จะพัฒนาประเทศ ถ้ารัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงปรับเพิ่มให้เงินอุดหนุนเด็ก 1,000 บาท และยกเลิกเงื่อนไขครอบครัวรายได้ 1 แสนบาท ตนจะไม่ว่าเลย แต่นี่ไม่มีเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพิ่มเติมคือประชาสัมพันธ์เท่านั้น หากรัฐบาลจะมีความจริงใจกับประชาชนจะทำให้เกิดความถ้วนหน้าจริงๆ ไม่ต้องพิสูจน์ความยากจน ต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้นเลยหรือ จะทำให้เป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจเหมือนเงินดิจิทัลวอลเล็ต จะลงทุนเป็นหลายแสนล้านบาทหรือ ซึ่งไม่ใช่ เพราะใช้เงินอีกเพียง 6,679 ล้านบาท ก็จะสามารถให้เงินเด็กทุกคนโดยไม่ต้องพิสูจน์ใดๆ เกิดปุ๊บรับปั๊บได้ทันที ส่วนใครจะไม่เอาก็เรื่องของเขา รัฐบาลอย่าไปคิดแทนเขา เพราะเมื่อคิดแทนเมื่อไหร่จะมีคนตกหล่นทันที เพราะ 34 เปอร์เซ็นต์เป็นคนยากจน หากรัฐบาลระบุเรื่องเหล่านี้ไว้ในนโยบายจะขอชื่นชม แต่กลับไม่มีทั้งในงบประมาณและในนโยบาย แล้วอย่างนี้จะอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกิน มีใช้ได้อย่างไร
นายณัฐชากล่าวต่อว่า วันนี้เราได้เห็นคำแถลงนโยบายของนายกฯได้ถูกขนานนามว่า เป็นรัฐบาลครอบครัว เห็นว่าคำนี้ไม่เสียหายหากท่านดูแลทุกครัวเรือนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยในนโยบายของรัฐบาลนายเศรษฐา นโยบายของรัฐบาลนี้มีคำที่เหมือนและแตกต่างกันอยู่ที่ว่า มีความเข้าใจว่าประเทศไทยกำลังตกอยู่ในสังคมผู้สูงอายุ สังคมสูงวัยแบบสมบูรณ์ และรู้ปัญหาว่ากำลังอยู่ในปัญหาอัตราการเกิดต่ำทั้งสองรัฐบาลเขียนเหมือนกัน แต่ลงท้ายไม่เหมือนกัน เนื่องจากในรัฐบาลนายเศรษฐาบอกว่าให้ความสำคัญเท่าเทียมแก่คนทุกกลุ่ม ดูแลด้วยสวัสดิการโดยรัฐ ซึ่งในรัฐบาลของ น.ส.แพทองธารใช้คำว่าจะจัดสรรสวัสดิการให้สอดคล้องกับสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐโดยสะดวก เรื่องนี้ตนสงสัยว่าการเข้าถึงสวัสดิการที่เปลี่ยนแปลงไป กลับเข้าถึงสวัสดิการของรัฐโดยสะดวกตรงนี้ใครสะดวก ให้ประชาชนสะดวก หรือรัฐสะดวกที่จะดูแลพี่น้องประชาชน ประชาชนจึงมีการตั้งคำถามว่าก้าวแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธารจะมีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน ในการอุดหนุนเด็กแรกเกิดจนกระทั่งถึงตาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปธ.วิปฝ่ายค้าน โวยรมต.หนีกระทู้ ทั้งที่แจ้งล่วงหน้าถึง 2 วัน ทำเสียโควต้าถามสด
- บิ๊กอ้วน ชิ่งฝ่ายค้าน 2 กระทู้รวด วิโรจน์ ฉะยับไม่ใส่ใจ ย้อนกลาโหม ไม่ได้มีรมต.แค่คนเดียว
- ภูมิใจไทย กลับลำ งดออกเสียง รื้อเกณฑ์ประชามติ ทั้งที่รอบแรก ยกมือโหวตเห็นด้วย
- มติสภาฯไม่ยอม เจอวีโต้ ร่างกม.ประชามติ ตั้งกมธ.ร่วมสู้ต่อ ด้านภท.อภิปรายหนุนส.ว.เฉย