จุลพันธ์ ย้ำพร้อมเดินหน้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ วอนฝ่ายค้านหยุดวาทกรรม ‘3 นาย’

‘จุลพันธ์’ ย้ำคลังไม่มีหน้าที่แค่นำ ‘กม.กาสิโน’ ไปปรับตามระเบียบ แต่มีอำนาจกำหนดคนทำ-พื้นที่ วอน ‘ฝ่ายค้าน’ อย่าใช้วาทกรรมที่ไม่เกิดประโยชน์ ระบุต้องขยายกรอบเศรษฐกิจก่อนนำเงินไปทำสวัสดิการ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 13 กันยายน ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า ขณะนี้ที่กระทรวงการคลังทำคือการนำกฎหมายที่สภายกร่างไปดูในรายละเอียด แล้วปรับให้เข้ากับระเบียบวิธีการร่างกฎหมาย เพื่อให้สามารถออกมาบังคับใช้ได้จริง เนื่องจากในหลายๆ ส่วนยังขัดกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง หรืออะไรที่เป็นประเด็นปัญหา

นายจุลพันธ์กล่าวว่า เราพร้อมเดินหน้า เนื่องจากผ่านการทำประชาพิจารณ์มาแล้ว ซึ่งก็มีคนเห็นด้วยค่อนข้างมาก อาจมีการประชุมอีกแค่ 1-2 ครั้ง ในขั้นตอนของฝ่ายราชการ เพื่อทำตามข้อสังเกต แล้วส่งต่อตามขั้นตอน คาดว่าอย่างเร็วน่าจะเป็นต้นปี 2568 แล้วจึงเป็นขั้นตอนการพิจารณากฎหมายของสภา ซึ่งไม่ว่าใครจะมีความคิดเห็นอย่างไรเราก็รับฟังและเป็นอำนาจของสมาชิกวุฒิสภาในการพิจารณากฎหมายว่ามีข้อดี ข้อด้อยอย่างไร จะต้องการผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร รายละเอียดมีความเหมาะสมหรือไม่ ย้ำว่าเราต้องเชื่อมั่นกับระบบรัฐสภา

นายจุลพันธ์กล่าวถึงหลักคิดของรัฐบาลว่า ต้องการสร้างเม็ดเงินใหม่ ดึงการลงทุนเข้ามาในประเทศ แต่กระทรวงการคลังไม่มีภารกิจหน้าที่ที่จะตัดสินใจว่าควรมีความเหมาะสมที่จะจำนวนเท่าไหร่ ทำในจังหวัดใด หรือใครเป็นคนทำ ยืนยันว่ามีความโปร่งใสทุกประการ แต่สุดท้ายรัฐบาลก็ต้องกำหนดว่าจะเป็นพื้นที่ใด ขนาดการลงทุนเป็นอย่างไร ต้องการให้การพัฒนาไปในทิศทางใด เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เป็นประโยชน์ เราจะเร่งรัดการทำงานให้เร็วที่สุด และไม่ละเลยซึ่งความรอบคอบ รวมถึงผลกระทบ

Advertisement

นายจุลพันธ์กล่าวว่า มีคนที่ห่วงเรื่องผลกระทบ โดยเฉพาะเรื่องกาสิโน แต่โดยเฉลี่ยจะมีไม่ถึง 5% เพราะไม่ใช่โมเดลของสถานการพนัน กาสิโนเป็นเพียงเศษเสี้ยวของการลงทุนให้ครบองค์ประกอบเท่านั้น

เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านมองว่านโยบายนี้เป็นนโยบายเรือธงของสามนาย คือ “นายใหญ่-นายทุน-นายหน้า” นายจุลพันธ์ระบุว่า ไม่อยากให้เอาวาทกรรมพวกนี้มาพูด ไม่ค่อยเกิดประโยชน์ของการตอบโต้ ไม่อยากไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ นายของพวกเราทุกคน ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลคือประชาชน

Advertisement

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า แน่นอนว่าแนวคิดการพัฒนาประเทศอาจมีความแตกต่างกัน เรามองการเติบโตทางเศรษฐกิจเคสที่ใหญ่ขึ้นพอที่จะกระจายไปยังพี่น้องประชาชนให้คนลืมตาอ้าปากได้ แต่เขาอาจจะมองในมุมการสร้างสวัสดิการเป็นเรื่องต้นๆ ซึ่งเรามองว่าการทำสวัสดิการแบบถ้วนหน้าในตอนนี้อาจจะขาดความพร้อมเรื่องเม็ดเงิน ขนาดเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตยังยากเลย

นายจุลพันธ์กล่าวว่า เราไม่ได้บอกว่าใครดีหรือไม่ดี แต่เมื่อกลไกของการจัดตั้งรัฐบาล นี่คือระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ซึ่งพวกตนก็เป็นตัวแทนของประชาชนที่ผ่านการเลือกตั้งมาเหมือนกัน สุดท้ายเมื่อมีการโหวตในสภา ผู้ที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ เราก็ต้องเอานโยบายของเรามาประยุกต์ใช้ และวันนี้ก็มีแนวทางเป็นเช่นนี้

นายจุลพันธ์กล่าวด้วยว่า การขยายกรอบขนาดเศรษฐกิจคือการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความเหมาะสม สุดท้ายก็จะเกิดประโยชน์กับทุกคน และมีช่องว่างสำหรับการทำนโยบายอื่นๆ พร้อมยกตัวอย่างนโยบายการศึกษาระบบภาษีรูปแบบใหม่ หรือ negative income tax ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาว่าในระยะยาวคือความใฝ่ฝันของพวกเราทุกคนที่จะสร้างกลไกสวัสดิการให้พี่น้องประชาชนอย่างเหมาะสม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image