“สุทิน”ทำหน้าที่ สส.สรุปแถลงนโยบายรัฐบาล ยัน “รบ.เศรษฐากับรบ.แพทองธาร”ไม่เหมือนกัน เป็นผู้นำคนวัย คนละเพศ คนละเจน ที่เหมือนคือพรรคเดียวกัน ซัดบางข้อเสนอแนะปนเปื้อนผลประโยชน์ -ระบายความแค้นจากความล้มเหลวในชีวิต ท้าหากรมต.ไม่ดีก็อภิปรายไม่ไว้วางใจได้
ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ โดยทันทีที่สมาชิกอภิปรายครบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นขอบคุณ จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้สั่งปิดการประชุม ในเวลา 01.10 น.ของวันที่ 14 กันยายน 2567 นั้น
ช่วงหนึ่งในเวลา เวลา 00.40 น. ก่อนปิดประชุม นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า วันนี้มีคนพูดถึงรัฐบาลเก่าเยอะ ตนก็เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลเก่า คือรัฐบาลเศรษฐา แต่ตนจะไม่ใช้เวลาพูดถึงรัฐบาลเศรษฐา แม้จะชอบธรรมที่จะพูด เพราะตนมีความเชื่อว่า โดยเจตนารมณ์อยากให้อยากให้ตรวจสอบนโยบายรัฐบาลใหม่ และมีความเชื่อว่ารัฐบาลแพทองธาร กับรัฐบาลเศรษฐา จะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว โดยผู้นำซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สุดคือผู้นำรัฐบาลคนละวัย คนละเพศ คนละเจน คนละบุคลิกภาพ
โดยเชื่อว่า การบริหารงานและการตัดสินใจไม่น่าจะเหมือนกัน โครงสร้างของรัฐบาลก็ไม่เหมือนกัน มีหลายพรรคที่เปลี่ยนแปลงไป ตัวรัฐมนตรีก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ เพราะฉะนั้นตนไม่ตั้งสมมุติฐานว่า รัฐบาลแพทองธารคือรัฐบาลเศรษฐา มีข้อเหมือนกันอยู่อย่างเดียวคือพรรคเดียวกัน แต่พรรคเดียวกันบริหารประเทศไปคนละแบบ ความสำเร็จคนละอย่าง
นายสุทินกล่าวต่อว่า สิ่งที่จะต้องตรวจสอบรัฐบาลแพทองธาร โดยส่วนตัวตนตรวจสอบตามกรอบ 4 กรอบคือ 1.การแถลงนโยบายรัฐบาลสอดคล้องหรือขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ สัมพันธ์หรือสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่ ซึ่งในนโยบายก็แสดงไว้ครบถ้วนในภาคผนวกไปตรวจสอบว่านโยบายทุกข้อเชื่อมโยงกับรัฐธรรมนูญข้อไหนและยุทธศาสตร์ชาติข้อไหนซึ่งตรวจสอบแล้วไม่มีอะไรที่จะต้องขัดแต่สอดคล้องกันทั้งหมด
2.ตรงโจทย์ของประเทศและความต้องการของประชาชนหรือไม่ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งตรงนี้ตนจะตรวจสอบหนัก โดยตรวจสอบตั้งแต่ที่มาของนโยบายคือหลักทิศถ้าเทียบกับธรรมะของพระพุทธเจ้าคืออริยสัจสี่ โดยดูว่าจะมาแก้ปัญหา หรือปลดทุกข์ให้ประเทศ ปลดทุกข์ให้ประชาชน เข้าใจโจทย์ของประเทศ ตีโจทย์แตกหรือไม่ว่าประเทศนี้มีปัญหาอะไร ซึ่งตนจะตรวจสอบว่าแนวคิดของรัฐบาลแพทองธารต้นทางเขาตีโจทย์ประเทศแตกหรือไม่ เขารู้หรือไม่ว่าปัญหาประเทศคืออะไร นี่คือกระดุมเม็ดถ้ากลัดผิด ตีโจทย์ไม่แตกคุณจะเขียนนโยบายผิด ก็จะแก้ปัญหาประเทศไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นตนจึงไปดูเรื่องหลักคิดเบื้องต้นกระดุมเม็ดแรก คอยดูความท้าทาย 9 ข้อ ได้เห็นเขามองเหตุแห่งทุกข์ว่าถูกหรือไม่ถูก จากนั้นก็มาดูวิธีแก้ปัญหาคือนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ ไม่ด่วนอีกหลายข้อ
“วันนี้รัฐบาลแพทองธารได้มองปัญหาของประเทศตีโจทย์ของประเทศไม่ต่างจากประชาชน ตัวแทนของประชาชน ทั้ง ส.ส.และ ส.ว.มองปัญหาเหมือนกันกับรัฐบาลแพทองธาร 9 ข้อ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่มองโจทย์ประเทศตรงกัน ปัญหาด้านสังคมที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย เรื่องการศึกษาและแรงงานมีปัญหา รวมถึงความมั่นคงปลอดภัยในสังคมมีปัญหาโดยเฉพาะเรื่องยาเสพติดที่เป็นปัญหาใหญ่ อาชญากรรมออนไลน์ ความอ่อนแอของเอสเอ็มอีมีปัญหา อุตสาหกรรมใหญ่ปรับตัวไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศโลก น้ำแล้งน้ำท่วม ฝุ่นพีเอ็ม2.5 ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ก็เป็นปัญหาซึ่งทุกคนตรงกัน รวมทั้งระบบราชการ การกระจายอำนาจ และการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ นี่คือวิธีมองของรัฐบาลแพทองธาร ผมชื่นชมว่าที่สำคัญที่สุดถ้ามองตรงกับประชาชนก็โอเค แต่ถ้ามองคนละเรื่องกับประชาชนคุณอย่ามาอ้างว่าเป็นรัฐบาลของประชาชน” นายสุทินกล่าว
นายสุทินกล่าวต่อว่า การเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่พูดกันมากว่าพูดแล้วไม่ทำ ทำแล้วเปลี่ยนไป ไม่ตรงปก คิดยังไม่จบ มาตายเอาดาบหน้าจริงๆ ตนต้องชมเพราะอยู่ในรัฐบาลนี้ตอนที่พิจารณาเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตต้นก็อยู่แต่ทำไมไม่ทำ ทำไมทำช้า ทำไมไม่มองมุมกลับว่ารัฐบาลที่แล้วกับรัฐบาลนี้ที่ทำดิจิทัลวอลเล็ตช้า เพราะเคารพความเห็นของทุกคนทั้งประเทศ และเคารพความเห็นขององค์กรต่างๆ ก็เลยช้าซึ่งเราก็มาปรับอีกหลายเรื่องจนเปลี่ยนโฉมไป ก็คือการทำนโยบายอย่างรอบคอบ ฟังเสียง และเอาบทเรียนในอดีตมา เพราะเรามีบทเรียนว่านโยบายประชาชนอยากได้แต่ถ้ามีแนวต้านขัดขวางไม่เห็นด้วยสุดท้ายก็ล้มนโยบายเราเราจึงไม่อยากให้ ดิจิทัลวอลเล็ตล้ม จึงเสียเวลานิดหน่อย แต่วันนี้ถึงเวลาจะจ่ายแล้ว ก็ดีใจที่รัฐบาลพูดว่ากันยานี้จะจ่ายล็อตแรก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
“ที่พูดกันมา 80% ทางรัฐบาลกับรัฐสภา ลองตรงกันคิดตรงกันส่วนอีก 20% คือความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ซึ่งการอภิปรายสองวันหลายท่านก็แนะนำและเสนอแนะท้วงติงและวิตกซึ่งเป็นเรื่องที่ดี จะทำให้ 20% นั้นสมบูรณ์เป็น 100% ก็ต้องบอกรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าเป็นโอกาสขอให้ท่านเก็บเกี่ยวเอาความคิดดีๆ แต่ในบรรดาข้อเสนอแนะก็ให้กำลังใจรัฐบาล อย่าไปเสียกำลังใจว่า บางหลายความคิดวันนี้ผมว่ามีเหตุผลหลายข้อเสนอแนะมีเหตุผลน่ารับฟังมากควรเก็บไปใช้
แต่บางความคิดบางข้อเสนอแนะอาจจะปนเปื้อนด้วยผลประโยชน์ทางการเมืองพูดเพื่อบลั๊ฟการทางการเมือง พูดเพื่อเกทับตีกินกันทางการเมือง ท่านก็ถือว่ามันเป็นเสน่ห์ เป็นธรรมชาติของสภาแยกแยะเอาอย่าไปน้อยใจอย่าไปเสียกำลังใจบางข้อเสนอแนะก็อาจจะมาจากมุมมองที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ คนไม่เคยบริหารประเทศเค้าก็แนะนำ ความซื่อหรือแนะนำตามที่เค้ารู้ตรงนี้ท่านก็อย่าไปเสียกำลังใจคนบริหารมาแล้วเจออะไรมันรู้ คุณไม่เคยบริหารเขาก็แนะนำไปอย่าไปถือสา บางแนวคิดก็อาจจะมาจากการระบายความแค้นบางก็ปัดออก หรืออาจจะเป็นการระบายออกจากความล้มเหลวในชีวิตความล้มเหลวในการงานก็ไปแยกแยะเอา หากกังวลว่ารัฐมนตรีจะไหวหรือไม่ไหวก็ตรวจสอบลงแส้ ยื่นกระทู้ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ไล่ ถ้าไม่ดีจริง” นายสุทินกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สภาฯทำจ.ม.ถึงศาล ให้จับพล.อ.พิศาลได้เลย ไม่ต้องขออนุญาต – พท.ไม่รู้ ตัวอยู่ไหน ?
- วันนอร์ เลคเชอร์ปราบยา หลังกระทู้ถี่ยิบ ถามรัฐบาล ทำส.ส.ตบมือให้ลั่นสภา
- สภาถกญัตติด่วน บัสไฟไหม้ รุมบี้ขนส่งเข้มตรวจสภาพรถ ไม่ใช่แค่ขายลายเซ็นแล้วจบ
- ‘สามารถ’ เย้ย ‘เด็จพี่’ เกาะติด ‘ลุงป้อม’ ประชุมสภา เสี่ยงทำเพื่อไทย ถูกยุบ