เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ประเทศสิงคโปร์ นายทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์เตือนรัฐบาลทหารหากยังอยู่ในอำนาจต่อไปจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ลงไปอีก เพราะทหารขาดวิสัยทัศน์และความรอบรู้ที่จะแก้ไขปัญหาความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ เป็นรัฐบาลที่ไร้เสรีภาพและไม่มีคนมีความสามารถที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยประสบความยากลำบากมากขึ้นเท่านั้น
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ขอปฎิเสธข่าวลือที่มีการพูดกันมานานว่ามีข้อตกลงลับๆ กับทหารว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเพื่อแลกกับการที่ผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัวจะไม่ถูกแตะต้อง ยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยใดๆ ระหว่างกัน และไม่เคยหารือทางโทรศัพท์กับใคร และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีการติดต่อกับคนพวกนั้น เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำ
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ปฏิเสธที่จะหารือกับทักษิณตามข้อเสนอ นายทักษิณ กล่าวว่า “คนเหล่านั้นบอกว่าพูดกับผมไม่ได้เพราะมีคดีค้างอยู่ แต่การปฎิวัติรัฐประหารเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงกว่ามาก”
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า “ได้ใช้เวลาไปกับการพบเจอเพื่อนเก่า รวมถึงบรรดาอดีตผู้นำประเทศต่างๆ โดยใช้ชีวิตเร่ร่อนและเดินทางไปยังที่ต่างๆ มากกว่า 120 ทริปต่อปีด้วยเครื่องบินส่วนตัว และเชื่อว่าจะกลับไปประเทศไทยในวันหนึ่งข้างหน้า แต่ไม่ใช่ไปเพื่อเจอกับข้อหาหรือใช้ชีวิตโดยถูกจำกัดบริเวณอยู่ในบ้านพักเพราะมีความพยายามที่จะลอบสังหารผมมาหลายครั้ง ผมเชื่อว่าจะได้กลับบ้าน เพราะผมไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่ใครๆ กล่าวหา”
นอกจากนี้ นายทักษิณ ยังได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวอัลจาซีรา ระบุด้วยว่า “ประเทศไทยถอยหลังลงไปเรื่อยๆ มากกว่าที่จะเดินไปข้างหน้า ซึ่งทำให้รู้สึกกังวลใจ ยิ่งเมื่อดูร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดบอกได้เลยว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งเปรียบได้กับสิ่งที่อาจถูกเขียนขึ้นในประเทศเกาหลีเหนือ ผมคิดว่าสถานการณ์ในขณะนี้ไม่อนุญาตให้พวกเขาเพลิดเพลินกับอำนาจได้มากมายยิ่งเมื่อดูจากวิธีที่พวกเขาบริหารประเทศ เพราะผู้ปกครองใดๆ ที่ไม่ใส่ใจประชาชนจะอยู่ในอำนาจได้ไม่นาน ทหารพยายามจะบอกกับสาธารณชนว่าพวกเขาต้องการสร้างความปรองดองเพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้า แต่ผ่านมาแล้วปีครึ่ง ไม่มีสัญญาณใดๆ ของการปรองดอง ในทางตรงกันข้ามพวกเขายิ่งเลือกข้างและเพิ่มแรงกดดันกับคนอีกข้างหนึ่ง”
