ผ่าตัดทัพบก ยุบ นปอ. เทียบไลน์ “พิสิทธิ์-เฉลิมชัย-เทพพงศ์” วัดพลัง “สี่เสาฯ-บูรพาฯ”

ผ่าตัดทัพบก ยุบ นปอ. ดับฝันเหล่าปืน ม้าหงอย ราบผงาด เทียบไลน์ “พิสิทธิ์-เฉลิมชัย-เทพพงศ์” วัดพลัง “สี่เสาฯ-บูรพาฯ” ยึด ผบ.ทบ.

บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย นาควานิช เป็น ผบ.ทบ. ที่มากับความเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่วันแรกที่เป็น ผบ.ทบ. ก็ปรับภูมิทัศน์ใน ทบ.ใหม่ และเช็กบิล บิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ.หมาดในเวลานั้น แถมยังเป็น รมช.กลาโหม และลูกน้อง จนกลายเป็นตำนานอันลือลั่นมาแล้ว

มาวันนี้ พลเอกธีรชัย กำลังจะสร้างตำนาน ที่บรรดานายทหารเหล่าปืนใหญ่ สาย ปตอ. ที่โตมาจากกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) จะต้องจดจำไปอีกตราบนานเท่านาน

เมื่อเกิดข่าวสะพัดว่า จะมีการยุบหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก (นปอ.) ซึ่งเปรียบเสมือนหน่วยที่บรรดานายทหารเหล่าปืน สาย ปตอ. จะได้เติบโตขึ้นถึงยศพลโท ก่อนที่จะมาชิงชัยเก้าอี้ห้าเสือ ทบ. กับนายทหารเหล่าอื่น

ด้วยเพราะ นปอ. นี้เทียบเท่ากองทัพภาค และถูกขนานนามว่าเป็น กองทัพภาคที่ 5 ต่อจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ที่เทียบเป็นกองทัพภาคที่ 5 ที่ก็ตั้งมาเพื่อให้นายทหารรบพิเศษสายหมวกแบเร่ต์แดงได้มีที่เติบโตจนถึงพลโท แล้วมาชิงเก้าอี้ห้าเสือ ทบ. ได้ด้วยนั่นเอง

Advertisement

เช่นเดียวกับเหล่าทหารม้าเองก็พยายามผลักดันให้ศูนย์การทหารม้า ยกระดับเป็นหน่วยบัญชาการทหารม้า เพื่อให้ทหารม้าได้ขยับในเหล่าได้ถึงยศพลโท เช่น ทหารราบ และทหารปืนใหญ่ บ้าง เพราะเหล่าทหารม้าก็เป็นเหล่ารบหลักของ ทบ.

แต่ทว่าก็คงได้แค่การตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 ไปก่อนหน้านี้ ตามแรงผลักดันของป๋าเปรม พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ แค่นั้น ที่ทำให้เหล่าทหารม้าก็หงอยไปไม่น้อย แถมทั้งไม่มีความหวังในการดันทหารม้าคนไหนไปชิง ผบ.ทบ.

เพราะ พลเอกปราการ ชลยุทธ์ รอง เสธ.ทหาร ก็จะเกษียณกันยายน 2559 นี้แล้ว

Advertisement

ทั้งนี้ เพราะนโยบายการปฏิรูปกองทัพของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ ในแง่ของโครงสร้างหน่วย เพราะในส่วนของ กอ.รมน. ก็มีการปรับโครงสร้างใหม่ ด้วยการนำ ศอ.บต. เข้ามาอยู่ร่วมด้วย

ส่วนของ ทบ. ก็มีการปรับยุบตำแหน่ง ผช.เสธ.ทบ. มาเป็นเพิ่ม รอง เสธ.ทบ. และระดับเจ้ากรม และยกระดับจังหวัดทหารบก (จทบ.) ให้เป็นมณฑลทหารบก (มทบ.) ผบ.หน่วยเป็นพลตรี ไปแล้ว

ตอนนี้เล็งเห็นว่า นปอ. เป็นหน่วยที่ใหญ่เกินไป เมื่อเทียบกับภารกิจการป้องกันภัยทางอากาศ เพราะเห็นว่ามีแค่ระดับกองพล คือ กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) น่าจะเพียงพอ

โดยมีแนวคิดว่า จะมีการยุบหน่วยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการยุบ กองพัน ปตอ. จำนวน 2 กองพันแรก ที่คาดว่าในจำนวนนี้อาจเป็น ปตอ.พัน 7 ที่มีการบรรจุอัตรากำลังแค่ 2 กองร้อย

จากนั้น ส่วนที่เหลือจะทยอยย้ายสังกัดให้ไปอยู่ในกรมทหารปืนใหญ่ ที่ขึ้นตรงกับกองพลทหารราบ และกองพลทหารม้า หน่วยรบแทน คงเหลือไว้แต่ ปตอ. ที่เป็นนำวิถี โดยปัจจุบัน กองพัน ปตอ. มีทั้งหมด 7 กองพัน ที่มีจรวดต่อสู้อากาศยานแตกต่างกันไป

ส่วน ศูนย์ป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก (ศปภอ.ทบ.) นั้น ก็คงต้องหาที่ลง ว่าจะเอาไปอยู่ส่วนไหนใน ทบ. หรือ บก.กองทัพไทย หรืออาจแปรสภาพเป็นโรงเรียน

แต่เรื่องนี้ยังเป็นแค่แนวคิด ที่กำลังมีการวางแผนกันอย่างรอบคอบและเป็นขั้นตอน และต้องใช้เวลา เพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดความรู้สึกเหลื่อมล้ำในหมู่เหล่า ทั้งทหารปืน ทหารม้า เหล่ารบ ที่ถูกคุมกำเนิด แต่ทว่า ทหารราบ กลับเติบโต ซึ่งนั่นก็เพราะเป็นเหล่ารบที่มีจำนวนมากที่สุด จนได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งสนามรบ

นปอ. นี้ ตั้งขึ้นในยุคที่นายทหาร จปร.5 ภายใต้การนำของบิ๊กสุ พลเอกสุจินดา คราประยูร เรืองอำนาจ หลังการรัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ 2534 ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นยุคทองของทหารเหล่าปืน หรือเรียกให้เจาะจงว่า เป็นยุคทองของทหารปืนใหญ่ สายทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (ปตอ.) ที่มี พลเอกสุจินดา และ พลเอกวิโรจน์ แสงสนิท อดีต ผบ.สส. และเพื่อนรักของบิ๊กสุในเวลานั้น เป็นหัวเรือใหญ่

และมีการวางทายาท อย่างบิ๊กเภา พลเอกสำเภา ชูศรี ให้เป็น ผบ.ทบ. ด้วยกัน ดันขึ้นนั่งเป็น ผบ.นปอ. แต่ในที่สุด ก็ไม่อาจสู้พลังของบิ๊กแอ้ด พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เพื่อน ตท.1 ด้วยกัน ที่มีพลังจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ ดันขึ้น ผบ.ทบ. ในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. ไม่ใช่ตำแหน่งหลัก และเหลืออายุราชการในเวลานั้นอีกถึง 5 ปี

พลเอกสำเภา จึงเป็นได้สูงสุดใน ทบ. แค่ รอง ผบ.ทบ. และก็ข้ามไปเป็น ผบ.สส. ก่อนที่จะเกษียณราชการ

นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา นายทหารเหล่าปืน ก็ยังไม่มีใครได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เลย

แม้ว่าในยุค “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ได้วางตัวบิ๊กตู่ พลเอกพรชัย กรานเลิศ เพื่อนรัก ตท.10 แกนนำสายทหารเหล่าปืนใหญ่ สาย ปตอ. ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทบ. แต่ก็ไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. เมื่อบิ๊กป๊อก พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เพื่อน ตท.10 ที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในเวลานั้น ร่วมกับบิ๊กบัง พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ก่อการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ขึ้นนั่นเอง และตามมาด้วยการให้ พลเอกอนุพงษ์ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในเวลาต่อมา

อันเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทหารในสายบูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือราชินี จาก พล.ร.2 รอ. ได้เข้ามาคุมอำนาจใน ทบ. มาต่อเนื่องอย่างยาวนานจนถึงยุคปัจจุบัน และโดยเฉพาะหลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ที่นำโดยบิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในเวลานั้น มาจนทุกวันนี้

เรียกได้ว่า ชะตาฟ้าลิขิตไว้แล้วว่า ประเทศชาติบ้านเมือง และกองทัพ จะต้องอยู่ภายใต้ขุมกำลังทหารเสือ และบูรพาพยัคฆ์ นั่นเอง

เช่นเดียวกับที่เวลานี้ ทุกสายตายังคงจับจ้องและรอคอยดูโฉมหน้าของบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารกลางปี หรือโผทหาร ที่ตอนนี้ ผบ.เหล่าทัพ กำลังจัดกันอยู่ เพราะต้องให้เสร็จ ส่งให้ บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ราวสัปดาห์แรกของมีนาคม เพื่อที่จะให้เสร็จสิ้น ทูลเกล้าฯ และมีผลตั้งแต่ 1 เมษายน

ด้วยเพราะหน้าตาของโผทหารกลางปีนี้ จะเป็นตัวชี้วัดว่า อำนาจในกองทัพบก จะยังอยู่ในมือทหารเสือ และบูรพาพยัคฆ์ ต่อไปอีกหรือไม่ หลังจากที่มี ผบ.ทบ. จากสายอำนาจนี้มา 4 คนต่อเนื่องกันแล้ว

ว่ากันว่า ถ้าบิ๊กเข้ พลโทเทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แกนนำ ตท.18 น้องรักสายบูรพาพยัคฆ์ของ พลเอกประยุทธ์ ขยับจากแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นมาเป็น พลเอก ไม่ว่าตำแหน่งใด ก็ย่อมหมายถึงการขึ้นมาจ่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในโยกย้ายสิงหาคม-กันยายนนี้เลย

แล้วย่อมหมายถึงว่า โอกาสที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไปสูงมาก เพราะเขาเพิ่งเป็น พลโท ตำแหน่งแม่ทัพน้อยที่ 1 ได้แค่ 1 ปี ก่อนขยับมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 อีก 6 เดือนเท่านั้น เพื่อที่จะเป็น ผบ.ทบ. ที่ทั้ง พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร ไว้วางใจที่สุดในการที่จะมาดูแลกองทัพในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่จะมีการเลือกตั้งในปี 2560 โดยไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น

พลโทเทพพงศ์ ถือว่าเป็นดาวรุ่งเพราะเดินมาในสายกำลังรบจากปีกของ พล.ร.2 รอ. เคยเป็นทหารเสือราชินี เคยเป็นผู้บังคับกองพันถึง 2 กองพัน คือ ผบ.ร.21 พัน 3 รอ. และ ผบ.ร.21 พัน 2 รอ. ก่อนขึ้นเป็น เสธ.ร.21 รอ. รอง ผบ.ร.2 รอ. และเป็นผู้บังคับการกรม ผบ.ร.21 รอ. หน่วยทหารเสือราชินี ก่อนขยับตามไลน์ เป็น รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. และเป็น พลตรี ในตำแหน่ง ผบ.พล.ร.2 รอ. เมื่อปี 2554 ก่อนขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และ พลโท แม่ทัพน้อยที่ 1 เมื่อตุลาคม 2557

และเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เมื่อตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา

แต่หาก พลโทเทพพงศ์ ไม่ขยับ ก็ย่อมหมายถึงการชิงชัยของ สิทธิสาร และ สิทธิสารท ระหว่าง บิ๊กแกละ พลเอกพิสิทธิ์ สิทธิสาร เสธ.ทบ. แกนนำ ตท.17 ที่มีอายุราชการถึงปี 2560 น้องรักของพลเอกประวิตร กับ บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสารท ผช.ผบ.ทบ. แกนนำ ตท.16 ที่มีอายุราชการถึง 2561 ที่เป็นนายทหารในสายรบพิเศษ ของ พลเอกสุรยุทธ์ องคมนตรี

ท่ามกลางข่าวสะพัดหลากหลายที่ว่า พลเอกพิสิทธิ์ ไม่ใช่ ผบ.ทบ. ในดวงใจของ พลเอกประยุทธ์

อีกทั้ง พลเอกประยุทธ์ ก็มักจะแสดงออกถึงความสนใจในตัว พลเอกเฉลิมชัยด้วยการทักทายและแซว หยอกล้อ บ่อยครั้งเมื่อพบปะในงานต่างๆ ของกองทัพ จนทำให้เป็นที่จับตามอง

แม้ว่า พลเอกเฉลิมชัย จะไม่ใช่ทหารเสือ ไม่ใช่บูรพาพยัคฆ์ แต่ทว่า ก็เป็นนายทหารที่ได้ชื่อว่าเป็นทหารอาชีพ ภาพพจน์ดี และเป็นนายทหารรบพิเศษ ที่เป็นดาวรุ่ง ใน นสศ. มาตลอด ที่ทำให้เขาได้แทรกขึ้นมาเป็น 1 ใน 5 เสือ ทบ. ณ วันนี้

ว่ากันว่า แม้จะไม่ได้เติบโต ใกล้ชิดหรือทำงานกับ พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร มา แต่ทว่าเขาก็มีพลังจากสายรบพิเศษ สายบ้านสี่เสา ของป๋าเปรม พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หนุนเนื่องอยู่

เพราะเป็นน้องรักของ พลเอกสุรยุทธ์ ลูกรักคนโปรดของป๋านั่นเอง

กล่าวกันว่า ถ้าหาก พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร ยอมที่จะให้ พลเอกเฉลิมชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. คนต่อไป ก็คงจะฮือฮาสุดๆ ตรงที่กล้าปล่อยมือจากอำนาจ แม้สาย พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร จะเป็นขั้วอำนาจเดียวกับป๋าเปรม และ พลเอกสุรยุทธ์ ก็ตาม แต่ทว่าก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนละสาย

ที่ผ่านมา มักมีข่าวออกมาเสมอว่า ในยุคที่ทหารเสือ และบูรพาพยัคฆ์ เรืองอำนาจ ภายใต้บารมีของป๋าป้อม พลเอกประวิตร นั้น สายป๋าเปรม ก็ดูจะถูกลดบทบาทและความสำคัญลง จนที่สุด พลเอกประยุทธ์ ต้องจูงมือ พลเอกประวิตร เข้าบ้านป๋าเปรม ในทุกเทศกาล เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นขั้วเดียวกัน และยังให้ความสำคัญและความเคารพป๋าเปรม เช่นเดิม

นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่แสนยากลำบากในการตัดสินใจของทั้ง พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร ว่าจะเลือกใครเป็น ผบ.ทบ. มาดูแลช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้

เพราะหากใช้สูตรง่ายๆ ก็ให้ พลเอกพิสิทธิ์ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เพราะก็ถือว่าสายอำนาจเดียวกัน แม้จะไม่เคยเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 มาก็ตาม แต่ด้วยเส้นทางเดินที่ก็สวยงามพอตัวมาตั้งแต่เป็นผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม ใน ร.11 รอ. และเป็นผู้บัญชาการกองพลถึง 2 กองพลคือ ผบ.พล.ร.2 รอ. ผบ.พล.1 รอ.

จนทำให้เขาเป็นทั้งบูรพาพยัคฆ์ หน่วยที่อยู่มาตั้งแต่เด็กๆ และเป็นวงศ์เทวัญ ด้วยเพราะมาโตใน ร.11 รอ.

แม้ พลเอกพิสิทธิ์ จะไม่ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แต่เขาก็เคยเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพน้อยที่ 1 ก่อนที่จะถูก พลเอกประยุทธ์ โยกเข้า บก.ทบ. เป็น รอง เสธ.ทบ. ในขณะที่ดัน พลเอกธีรชัย จาก รอง เสธ.ทบ. ในเวลานั้น กลับเป็นแม่ทัพภาคที่ 1

แต่อย่างน้อย พลเอกประยุทธ์ ก็ไว้วางใจให้ พลเอกพิสิทธิ์ เป็น ผอ.ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ฯ ของ คสช. หลังการรัฐประหารด้วย

เพราะหากให้ พลเอกพิสิทธิ์ เป็น ผบ.ทบ. ก่อน 1 ปีในโยกย้ายกันยายนปีนี้ แล้วก็จะต่อด้วย พลโทเทพพงศ์ ที่จะขยับขึ้นมาจ่อเป็นต่อ ได้อย่างพอดี

แม้ข่าวลือต่างๆ จะรุมเร้า แต่ พลเอกพิสิทธิ์ ก็เลือกที่จะอยู่เงียบๆ ไม่ออกมาชี้แจงว่าเป็นความเข้าใจผิด หรือการถูกใส่ร้ายใดๆ หรือไม่ แต่ขอที่จะทำงานเพื่อพิสูจน์ตนเองดีกว่า เพราะการเป็นเสนาธิการทหารบก และเลขาธิการ กอ.รมน. ถือว่าเป็นแม่บ้านคนสำคัญของ ทบ.

ถึงแม้จะมีข่าวลือ บั่นทอนกำลังใจมาเสมอว่า พลเอกธีรชัย ผบ.ทบ. อยากที่จะเปลี่ยนตัว เสธ.ทบ. โดยให้บิ๊กไก่ พลเอกกิตติ อินทสร ผอ.ททบ.5 เพื่อนรัก ตท.14 มาเป็นแทนก็ตาม

เหตุหนึ่งเพราะ พลเอกธีรชัย เคยเสนอชื่อ พลเอกกิตติ เป็น เสธ.ทบ. ตอนที่รู้ว่าตนเองจะได้เป็น ผบ.ทบ. แล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะ พลเอกประวิตร และ พลเอกอุดมเดช ผบ.ทบ. ในเวลานั้น เห็นพ้องให้ พลเอกพิสิทธิ์ เป็น เสธ.ทบ.

ส่วนอีกเหตุหนึ่งเพราะ พลเอกพิสิทธิ์ ถูกมองว่าเป็นสายของ พลเอกอุดมเดช และทำงานโครงการอุทยานราชภักดิ์มาด้วยกัน และยังเป็นคณะกรรมการมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ของ พลเอกอุดมเดช อีกด้วย จึงอาจไม่ค่อยถูกใจ พลเอกธีรชัย เท่าใดนัก

ขณะที่ พลเอกเฉลิมชัย นั้น แม้จะมีกระแสทหารในกองทัพที่ไม่ใช่สายทหารเสือ และบูรพาพยัคฆ์ สนับสนุน เพราะหวังให้อำนาจเปลี่ยนมือไปสู่นายทหารที่โตจากกองทัพภาคอื่นหรือหน่วยอื่นบ้างก็ตาม แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้มีความหวังใดๆ คิดแค่ว่า ที่สุดแล้วก็คงต้องถูกเด้งไป บก.กองทัพไทย

แต่ก็ไม่อาจมองข้าม เพราะจากที่มองกันว่า พลเอกประวิตร กับ พลเอกสุรยุทธ์ มีความขัดแย้งมีเรื่องคาใจกันมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ พลเอกสุรยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. แล้ว เด้ง พลเอกประวิตร เข้ากรุนั้น

สถานการณ์วันนี้อาจเปลี่ยนไป

ยิ่งหากย้อนไปดูเหตุการณ์เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา ในงานวันทหารผ่านศึก พลเอกประวิตร ไปวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และต้อนรับ พลเอกสุรยุทธ์ องคมนตรี ในฐานะผู้แทนพระองค์ ไปวางพวงมาลา ท่ามกลางทุกสายตาที่จับจ้อง และก็พบว่า พลเอกสุรยุทธ์ ได้สบตาและยิ้ม ประหนึ่งเป็นการทักทายและส่งสายมิตรภาพให้ พลเอกประวิตร ต่างจากปีที่แล้ว

ขณะที่ พลเอกประวิตร นั้นก็ยืนแถวตรง ต้อนรับ พลเอกสุรยุทธ์ ด้วยสายตาแห่งความเคารพ อีกทั้งก่อนที่ พลเอกสุรยุทธ์ จะมาถึงนั้น พลเอกประวิตร ก็เตรียมตัวที่จะลุกมาต้อนรับอยู่ตลอดเวลา คอยถามว่าท่านจะถึงหรือยัง รวมถึงการสั่งให้ทหารกองเกียรติยศ เร่งทำความเคารพองคมนตรี เมื่อเห็นว่า ผบ.ร้อย สั่งช้า ทั้งๆ ที่รถมาเทียบจอดแล้ว แต่ทว่า ขั้นตอนคือ ต้องให้ พลเอกสุรยุทธ์ เดินลงจากรถ แล้วขึ้นแท่นก่อน ทหารจึงจะสั่ง “วันทยาวุธ”

แต่นั่นก็สะท้อนถึงความใส่ใจของ พลเอกประวิตร ในการต้อนรับ พลเอกสุรยุทธ์ เพราะถึงอย่างไร พลเอกสุรยุทธ์ ก็เป็นองคมนตรี และเป็นนายทหารรุ่นพี่ ตท.1 ส่วนเขาเป็นรุ่นน้อง ตท.6

จนเกิดคำถามว่า หาก พลเอกเปรม เอ่ยปากกับ พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร เรื่องแคนดิเดต ผบ.ทบ. ทั้ง 2 คนคือ พลเอกพิสิทธิ์ และ พลเอกเฉลิมชัย แล้ว ทั้งคู่จะตัดสินใจและให้คำตอบอย่างไร

เพราะ พลเอกเฉลิมชัย เป็นนายทหาร ตท.16 รุ่นพี่ พลเอกพิสิทธิ์ ตท.17 แม้จะเหลืออายุราชการนานกว่า คือเกษียณ 2561 ก็ตาม แต่ พลเอกพิสิทธิ์ ติดยศพลเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. ก่อน เมื่อเมษายน 2558 จากนั้น ตุลาคม 2558 จึงขึ้นเป็น เสธ.ทบ. ในยุคที่ พลเอกอุดมเดช เป็น ผบ.ทบ. และ พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

แม้ว่า พลเอกเฉลิมชัย จะติดยศ พลโท ในตำแหน่ง ผบ.นสศ. ก่อนเมื่อเมษายน 2556 ก่อน พลเอกพิสิทธิ์ ที่ขยับจากรองแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. ยศพลโท เมื่อตุลาคม 2556 ก็ตาม แต่ในส่วนของทหารรบพิเศษแล้ว ถือว่า พลเอกเฉลิมชัย เดินมาในไลน์และเส้นทางเหล็กของชาวแบเร่ต์แดงเลยทีเดียว เป็น เสธ.นสศ. ผบ.พล.รพศ.1 รอง ผบ.นสศ. และ ผบ.นสศ.

จนมาเป็น ผช.ผบ.ทบ. ติดยศ พลเอก เมื่อตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา

ในเวลานี้ จึงรอแค่เพียงว่า การโยกย้ายที่จะได้เห็นกันแล้วในเดือนหน้า มีนาคมนี้ พลโทเทพพงศ์ ได้ขยับขึ้น พลเอก หรือไม่ แต่ พลเอกประยุทธ์ เคยเปรยๆ บางคนอาวุโสยังไม่ได้ ก็ขึ้นไม่ทัน

แต่หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง น้ำหนักของ พลเอกพิสิทธิ์ ที่จะเป็น ผบ.ทบ. ก็ยังคงมากกว่า พลเอกเฉลิมชัย

อยู่แค่เพียงว่า สายบ้านสี่เสา จะมีพลังมากพอ ในการผลักดัน พลเอกเฉลิมชัย หรือไม่

อีกไม่นานเกินรอ…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image