‘หมอเหวง’ ชี้ทางสว่าง ‘เพื่อไทย’ ถ้าทำได้ ‘คะแนนอื้อซ่า’ เลือกตั้งครั้งหน้าแซง ปชน.ชัวร์!
ในวาระครบรอบ 48 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 โศกนาฏกรรมสังหารหมู่กลางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการปราบปรามนักศึกษา ประชาชนที่มาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและต่อต้านการกลับมาของ จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกขับไล่ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต มากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ เครือข่ายนักศึกษาจัดงานรำลึกครบรอบ 48 ปี 6 ตุลาฯ 2519 ร่วมกับ ชมรมโดมรวมใจ จัดงานรำลึกครอบรอบ “6 ตุลาฯ กระจกส่องสังคมไทย” ระหว่างวันที่ 5-6 ตุลาคมนี้
บรรยากาศเวลา 13.00 น. มีการเสวนาในหัวข้อ “เดือนตุลานอกกระแส : บางแง่มุมของขบวนการเดือนตุลาที่ไม่เคยเห็น” โดย นายศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา นักวิชาการด้านแรงงาน และผู้ริเริ่มก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย, นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช., และนางพรพิมล โรจนโพธิ์ นักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ
นพ.เหวงกล่าวว่า ในช่วงเวลานั้น ไทยถูกใช้เป็นฐานทัพอเมริกา ให้สัมปทาน อภิสิทธิ์และผลประโยชน์กับอเมริกาจนออกนอกหน้า จึงมีการต่อต้านหลายทาง นำโดย ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.)
ในตอนหนึ่ง นพ.เหวง กล่าวถึงการชุมนุมเคลื่อนไหวของนักศึกษา ประชาชน ที่เข้มข้นมากขึ้น หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งถ้าเราจะทำความเข้าใจ 6 ตุลาฯ สำคัญสุดคือต้องทำความเข้าใจย้อนหลังตั้งแต่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจในปี 2500 เพราะหลังจากนั้น ประเทศถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการ มีมาตรา 17 ที่สามารถประหารชีวิตคนได้ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการศาล
นพ.เหวงกล่าวว่า ในช่วงนั้น ขบวนการกรรมกร ถูกกดขี่อย่างรุนแรง ทุกข์ยากตลอดมา 16 ปี เช่นเดียวกับภาคเกษตร ที่ถูกกดราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ต้องกู้ดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อวัน หลังเกิด 14 ตุลาคม 2516 บรรยากาศเสรีภาพเบ่งบานในไทย จึงมีกรรมกรที่ออกมาเรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำเกือบทุกโรงงาน และตลอดทั้งปี มากถึง 3,000-4,000 กรณี ชาวนาทุกหนแห่งลุกขึ้นสู้ เพื่อให้มีการประกันราคาพืชผล อย่างน้อยก็ไม่ให้ขาดทุน ขณะที่ดอกเบี้ย ก็กดให้ต่ำลงเท่ามาตรฐานธนาคาร ‘นักศึกษา: จึงเห็นความจำเป็นในการร่วมสู้ เอาความรู้เข้าไป เช่น ความรู้นิติศาสตร์ ฯลฯ จึงทำให้ฝ่ายขวา กลัวการเคลื่อนไหวของนักศึกษาอย่างมาก แต่ต้องการให้ชีวิตดีขึ้น
“แต่ขวาจัด พยายามปั่นหัวนักเรียนอาชีวะ ใส่ร้ายป้ายสี ว่าพวก ศนท.จงใจให้ไปตาย (กับ พคท.) ขณะที่พี่ๆ เอาเงินบริจาคไปถลุง เที่ยวซ่องโสเภณี ทำให้อาจชีวะกลุ่มหนึ่งเชื่อกลุ่มขวาจัด จัดตั้งขึ้นมา เพื่อไล่ยิงนักศึกษาฯ ที่ไปปิดโปสเตอร์นัดชุมนุม” นพ.เหวงกล่าว
นพ.เหวงกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของสงครามอินโดจีน รุนแรงขึ้น มีฐานทัพถึง 12 แห่ง อู่ตะเภา ตาคลี น้ำพอง สัตหีบ ลพบุรี เกือบทุกภาค กลาง เหนือ อีสาน รุนแรง จนแนวร่วมประชาชนปลดปล่อยเวียดนามกระแสขึ้นสูงมาก ฝ่ายขวาก็พยายามหาช่องทำลายมาตลอด จึงยึดเอาการ ‘ขับไล่ฐานทัพ’ เป็นเป้าใหญ่ ซึ่งนักศึกษาชุมุนมเรียกร้องว่าไม่ต้องการให้มีฐานทัพอเมริกันในไทย โดย หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช (นายกฯในขณะนั้น) ก็ผ่อนปรน พยายามคุยกับอเมริกันให้ถอยไป วันที่ 20 มี.ค.2519 ที่มีการชุมนุมใหญ่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ขอใช้เวลา 4 เดือนให้ถอนออกไป แต่นักศึกษาไม่สบายใจ จึงเคลื่อนขบวนไปสถานทูตอเมริกาฯ อีกครั้ง คราวนี้ เมื่อขบวนเคลื่อนผ่าน ก็ระเบิด ตาย 4 ศพทันที จนถอนออกไป มิ.ย.19 ปีนั้นเกิดหลายเหตุการณ์ เวียดนามปลดปล่อย ปลายเดือน เม.ย. ทำให้ฝ่ายขวาจัดกลัวมาก และเชื่ออเมริกัน ว่าถ้ากัมพูชา เวียดนามเป็นคอมมิวนิสต์เมื่อไหร่ ไทยเป็นเมื่อนั้น แล้วจะลงไปทวีปออสเตรเลียได้เลย ฝ่ายขวาจึงตกใจ และพยายามหาทางทำลาย ขบวนการนิสิต นักศึกษา แต่เขาฉลาดมาก รู้วิธีขุดหลุมล่อ น.ศ. จึงเอาวิธี จอมพลถนอม กิตติขจร บวชเป็นเณรข้ามา
“ตอนที่แขวนคอช่างการไฟฟ้า ที่กำแพงแดง มันอื้อฉาวมาก ทุกครั้งที่มีการชุมนุมจึงมีการแสดงละคร เพื่อเปิดโปงให้สาธารณชนได้รับทราบ ปรากฏว่ามีสื่อขวาจัด ‘ดาวสยาม’ ไปแต่งภาพ ใส่ร้ายป้ายสี หาว่าในธรรมศาสตร์ มีญวนแดง กินหมา รองเท้าทำด้วยยางรถยนต์ เที่ยวนี้เขาจึงประสบความสำเร็จ เอากองกำลังติดอาวุธเข้ามาปราบ กระสุนนัดแรก M79 ยิงเข้ามาหน้าตึกนิติศาสตร์ จับนักศึกษาคล้องคอด้วยผ้าพันคอลูกเสือชาวบ้าน บ้างก็ลากไปสนามหลวง แขวนคอ เอาเหล็กด้ามตี นักศึกษาชายถูกเอาศพทับกัน 4 ชั้น เอายางรถยนต์ทับแล้วจุดไฟเผา เพื่อนๆ ดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด บางคนถูกข่มขืนจนตาย เอาขวดน้ำอัดลม ตีขอบฟุตปาธให้แตก แล้วเอาแทงเข้าไปในช่องคลอด” นพ.เหวงกล่าว
ในช่วงท้าย นพ.เหวงกล่าวว่า ในการเคลื่อนไหวเราต้องค้นหาความขัดแย้งของสังคมให้เจอ และต้องรู้ว่าใครคือ มิตรและศัตรู อย่าผลักมิตร แต่ต้องรู้เป้าหมายและปฏิปักษ์
วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง ไม่มีสงครามเย็น ค่ายสหภาพโซเวียด หรือค่ายเสรีนิยมแล้ว จักพรรดินิยมหายไปแล้ว หลัง 6 ตุลาคม 2519 เป็นต้นมา ฝ่ายขวาจัด ยึดครองอำนาจรัฐมาตลอด บางครั้งใช้อำนาจในรัฐสภา บ้างก็ทหารโดยตรง
นพ.เหวงกล่าวว่า พรรคเพื่อไทย อ้างว่า มีความจำเป็นในการข้ามขั้ว เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ตุลาคม 2567 ค่าไฟยังแพงหูฉี่ ดิจิทัลวอลเล็ต ไม่รู้ว่ารายต่อไปจะแจกได้หรือเปล่า เท่ากับว่าตอนนี้บริหารโดย ‘รัฐบาลฝ่ายขวา’
“ดังนั้น ที่คุณบอกจะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย สำหรับผมไม่เชื่อ ประเด็นสุดท้าย สำหรับผม ความขัดแย้งตอนนี้ เกิดขึ้นเพราะความต้องการอำนาจอธิปไตยให้กลับมาเป็นของประชาชนจริงๆ” นพ.เหวงกล่าว
นพ.เหวงกล่าวต่อว่า เรารำลึกมา 48 ปีแล้ว อยากเชิญชวนพี่น้องทั้งประเทศ ช่วยกันคิดว่า จะทำอย่างไรถึงจะ ‘หยุดทหารไม่ให้ฆ่าประชาชนกลางเมืองอีกต่อไป’
“พรรคเพื่อไทยทำได้เลย ตอนนี้ศาลรับฟ้องแล้ว คดีตากใบ ออกหมายจับ 7 คนแล้ว ผมชี้ทางสว่างให้คุณ พรรคเพื่อไทย ถ้าเอา 7 คนไปมอบตัวต่อศาล ประชาชนทั้งประเทศจะให้อภัยคุณ เรื่องตากใบมีเวลา 20 วัน แต่เรื่องที่จะมีเวลาอีก 6 ปี คือ วีรชนเสื้อแดง 99 ศพ
กรณี 6 ศพวัดปทุมวนาราม มีรายชื่อชัด ว่าใครยิง กรม, กองไหน มีพี่น้องเราจำนวนหนึ่งยื่นฟ้องศาลพลเรือน ปรากฏว่าให้ไปเดินเรื่องศาลทหาร ถ้าอัยการศาลทหารสั่งไม่ฟ้อง เรื่องก็จบเลย ดังนั้น เดินไปแบบนี้ไม่ได้ ต้องแก้กฎหมายก่อน ให้ทหารที่ฆ่าประชาชนต้องขึ้นศาลพลเรือน รวมทั้งคนสั่งด้วย นักการเมืองทั้งหลาย ต้องไม่ขึ้นศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
มี 62 ศพ ยังไม่ได้ไต่สวน รัฐบาลเพื่อไทย จะไปยากอะไร ตั้งคณะกรรมการไต่สวนอีก 62 ศพ ไม่เห็นยาก
อยากให้ เพื่อไทยกล้าๆ หน่อย เชิญคณะก่อการ ที่ยึดอำนาจสำเร็จมาดำเนินคดี ม.113 ข้อหากบฏ คมช คปค. มาดำเนินคดี ทบทวนคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ว่ายึดอำนาจสำเร็จเป็นรัฎฐาธิปัตย์ ปฏิรูปโครงสร้างทหาร ห้ามใช้ทหารจัดการการชุมนุมเด็ดขาด จึงจะหยุดรัฐประหารได้โดยสิ้นเชิง ถ้าทำได้ เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนอื้อซ่า ยิ่งกว่าพรรคประชาชนแน่นอน” นพ.เหวงกล่าว