“กมธ.กฎหมาย” เผย จำเลยคดีตากใบ 14 คน ยังอยู่ในไทย 12 ยังรับราชการ 2 หนีต่างประเทศ 2 ด้าน “รอง ผบ.ภาค 9” แจง ประสานผู้บังคับบัญชา- กองการต่างประเทศติดตามตัว ขณะที่”กมลศักดิ์”ยันอัยการฯ บอกประทับรับฟ้องเรียบร้อยแล้ว โผล่มาแม้วันสุดท้ายจับได้เลย ซัดอยู่ที่จิตสำนึกคนผิดจะรับผิดชอบ หากจนท.จับตัวไม่ได้ ก่อนหมดอายุความ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 ตุลาคม 2567 ที่รัฐสภา นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภา แถลงผลการประชุม กมธ.ว่า ที่ประชุมพิจารณาติดตามผู้ต้องหาคดีตากใบ หลังจากที่ศาลจังหวัดนราธิวาส มีการประทับฟ้อง และออกหมายจับจำเลย 7 คน และอัยการสูงสุดเห็นแย้งกับพนักงานสอบสวน ที่มีคำสั่งสั่งฟ้องผู้ต้องหา 8 คน รวมทั้งหมด 14 คน ซ้ำกับจำเลยเดิม 1 คนนั้น คดีดังกล่าวมีผู้ต้องหาจำนวน 14 คน โดยมีผู้ต้องหาที่อยู่ในประเทศไทย 12 คน เป็นข้าราชการ และยังรับราชการอยู่ 2 คน ซึ่งทางตำรวจได้ประสานกับผู้บังคับบัญชาของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแล้ว และคาดว่า มีผู้ต้องหาอีก 2 คน อยู่ต่างประเทศ โดยได้ประสานไปยังกองการต่างประเทศเพื่อออกหมายติดตามตัวแล้ว
“ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ก่อนวันที่ 25 ตุลาคม หรือภายในวันที่ 25 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันหมดอายุความในคดีดังกล่าว ทางอัยการยืนยันว่า พร้อมเตรียมประทับรับฟ้อง และยื่นฟ้องเรียบร้อย หากจับคนไหนมาได้แม้ในวันสุดท้ายก็ตาม” นายกมลศักดิ์กล่าว
นายกมลศักดิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กมธ.ยังกังวลว่า หากปล่อยให้ขาดอายุความโดยไม่จับกุมใครเลยเกรงว่า จะเกิดสถานการณ์ที่ไม่ดีในพื้นที่ความขัดแย้ง เพราะเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา มีเหตุวางระเบิดที่บ้านพักนายอำเภอตากใบ หากปล่อยให้คดีตากใบขาดอายุความ ความรุนแรงจะมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งรองผู้บัญชาการภาค 9 ชี้แจงว่า เท่าที่มีการสอบสวนเหตุการณ์วางระเบิด ที่บ้านพักนายอำเภอนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีตากใบ
ส่วน กอ.รมน. และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ย้ำว่า มีการประเมินสถานการณ์ ในพื้นที่มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม กมธ.เห็นว่า ควรให้มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านนโยบาย และการปฏิบัติในพื้นที่ ในการเตรียมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคดีหมดอายุความ เนื่องจากคดีดังกล่าว เป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อน และเกี่ยวข้องกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เมื่อถามว่าหากคดีหมดอายุความ และไม่สามารถจับกุมจำเลยได้เลย จะมีความรับผิดชอบจากใครหรือไม่ เช่นกรณี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ลาประชุมสภาฯไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ควรจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรหรือไม่ นายกมลศักดิ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของจำเลยแต่ละคน เพราะไม่มีข้อกฎหมายใดที่จะตอบแทนเรื่องนี้ได้ ต้องอยู่ที่สำนึกของบุคคลคนนั้นว่าจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร หากทราบอยู่แล้วว่ามีหมายจับแทนที่จะมามอบตัวสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม แต่กลับหันหลังให้กระบวนการยุติธรรมปล่อยให้ขาดอายุความ ก็ต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของบุคคลคนนั้น