ปชป.เตรียมลงพื้นที่สำรวจปริมาณน้ำ “ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์” ด้าน”ดร.เอ้” ลั่น ถึงเวลาต้องแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาว ชี้น้ำท่วมกรุงเทพฯ มาจากน้ำฝน-น้ำหนุน ไม่ใช่น้ำเหนือ แนะดูตัวอย่าง”แก้มลิงใต้ดิน”ที่วัดเล่งเน่ยยี่
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลกทม. กล่าวถึง ศูนย์ติดตามน้ำท่วมของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขณะนี้พรรคฯใช้เทคโนโลยีและข้อมูล ในการติดตามช่วยเหลือประชาชนเพราะสถานการณ์น้ำท่วมปีนี้ ทำให้เห็นว่าเราจะอยู่อย่างเดิมไม่ได้อีกต่อไป คำถามคือจากนี้ไปเราต้องทำอะไรบ้างถึงจะทำให้ประชาชน ได้รับการดูแลในระยะยาวไม่เช่นนั้นปีหน้าและปีต่อๆไปก็จะเกิดขึ้นอีก ความทุกข์ซ้ำซากแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกต่อไป ซึ่งเราได้ติดตามและเตือนทุกคนแล้วว่าเรากังวลจริงๆ บอกตั้งแต่เดือนส.ค.แล้วว่าก.ย.ฝนจะตกและน้ำท่วมอีก ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ก็บอกชัดเจน จึงขอเรียกร้องประชาชนและทุกภาคส่วน การตัดสินใจในยุคปัจจุบันจะใช้อารมณ์ ความรู้สึก ความเชื่อ ไม่ได้อีกต่อไป
นายสุชัชวีร์ กล่าวด้วยว่า สำหรับสถานการณ์น้ำภาคเหนือ พรรคฯได้มีทีมงานภาคเหนือ ทีมวิศวกรอาสา ขึ้นไปช่วยเหลือ และฟื้นฟู ซึ่งจากที่เห็นสถานการณ์แย่กว่าที่คิดเยอะ และเห็นว่าต้องการความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน โดยพรรคฯจะรวบรวมปัญหา ส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลแก้ปัญหาต่อไป ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้อย่างต่อเนื่องและจะทำให้ดีที่สุด ส่วนปัญหาน้ำท่วมกทม.นั้น พรรคฯ มีความกังวล ซึ่งจะเห็นว่าฝนตกมานิดเดียวน้ำก็ท่วมและมีน้ำทะเลหนุน นักวิชาการตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าวันนี้กทม.และปริมณฑล ยังมีความเสี่ยง ทั้งน้ำเหนือที่มาจาก จ.ชัยนาท ที่ขณะนี้รัฐบาลพยายามกันไม่ให้น้ำที่ถูกปล่อยออกมาเกิน 2,300 คิว แต่หากทะลุ 2,000 คิวเมื่อไหร่ พื้นที่จังหวัดใต้เขื่อนลงมาน้ำท่วมแล้ว อย่างที่อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา อาจจะไม่น้อยกว่าปี 54 ด้วยซ้ำ ดังนั้นพี่น้องชาว กทม.ต้องขอบคนณพี่น้องหลายจังหวัด ที่อยู่เหนือกรุงเทพฯ ที่รับน้ำไว้ อย่างไรก็ตามอย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ เพราะโอกาสที่จะเกิดพายุยังมีอยู่ในเดือนต.ค.ดังนั้นเราจึงต้องเฝ้าระวัง
นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เราจะมุ่งผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาระยะยาวในฐานะบทบาทพรรคการเมือง และจะนำเสนอสิ่งที่ถูกต้อง ตามหลักวิทยาศาสตร์ไม่ใช่หลักความเชื่อ พรรคฯพร้อมจับมือผลักดันร่วมกับรัฐบาลและทุกภาคส่วน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง โดยในภาคเหนือ ผังเมืองต้องทำใหม่ ระบบสาธารณูปโภคผันน้ำควรจะเกิดขึ้นคู่ขนานกับถนนพหลโยธิน การเคลื่อนย้าย การแลกที่ การให้เงินกู้ควรเริ่มทำ ไม่ฉะนั้นวงจรอุบาทว์นี้จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ส่วนกทม.จะบอกว่าไม่กังวลคงไม่ได้ สถานการณ์ไม่เคยดีขึ้น ซึ่งไม่ได้พูดถึงน้ำเหนือที่กทม.ทำอะไรไม่ได้ แต่กำลังพูดถึงน้ำฝนและน้ำหนุน ที่กลายเป็นน้ำรอระบาย ดังนั้นพรรคฯจะลงไปดูตัวอย่างของจริงที่ควรเกิดขึ้น คือแก้มลิงใต้ดิน ที่แก้ปัญหาน้ำฝนรอระบายไม่ทัน ซึ่งที่วัดเล่งเน่ยยี่คือตัวอย่างที่ดีที่สุด ที่เอกชนเริ่มทำการแก้ปัญหาน้ำท่วมจากน้ำฝน ให้น้ำรอระบายเก็บไว้ใต้ดิน ไม่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน
ด้านน.ส.เจนจิรา รัตนเพียร โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในวันที่ 12 ต.ค.พรรคฯ นำโดยนายสุชัชวีร์ เตรียมลงพื้นที่สำรวจปริมาณน้ำ ที่แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ เพื่อติดตามน้ำทะเลหนุนที่สร้างปัญหาให้กับประชาชนมาโดยตลอด และจะลงเป็นที่วัดเล่งเน่ยยี่ ติดตามโครงการแก้มลิง และเตือนเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมหลังกทม.แจ้งระดับน้ำจะสูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาพรรคฯมีความห่วงใยพี่น้องผู้ประสบภัยเป็นอย่างมาก และมีการระดมข้าวของไปช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมด้วย เพื่อติดตามน้ำทะเลหนุนที่สร้างปัญหาให้กับประชาชนมาโดยตลอด และในช่วงบ่ายก็จะลงเป็นที่วัดเล่งเน่ยยี่ ติดตามโครงการแก้มลิง
ขณะที่นายสมบัติ ยะสินธุ์ ส.ส.แม่ฮ่งสอน และรองหัวหน้าพรรคฯภาคเหนือ กล่าวว่า ขณะนี้น้ำท่วมภาคเหนือน้ำลดลงแล้ว แต่ดินโคลนยังอยู่ ยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนที่จะนำโคลนออกจากบ้านประชาชน เช่นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยังขาดแรงงานคน เพราะทหารได้มีการสลับสับเปลี่ยน ไม่ได้ลงพื้นที่เยอะเหมือนก่อนหน้านี้ และบ้านบางหลังยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ เพราะยังขาดแรงงาน จึงอยากให้รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่จิตอาสาเข้าไปช่วยเหลือที่เชียงราย ที่มีลักษณะคล้ายกับที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อปี 48 ซึ่งเราต้องมีการวางแผนทำวิกฤตให้เป็นโอกาส ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลเร่งปรับโครงสร้างพื้นฐานไม่ใช่เร่งเฉพาะเยียวยา เช่น ถนนหนทาง สะพาน เพราะยังไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณลงไป ความจริงต้องอัดเม็ดเงินลงไป เพื่อให้เกิดการจ้างงาน จะทำให้เศรษฐกิจฟื้น อีกส่วนคือผู้ประกอบการ ควรจะได้รับดอกเบี้ยในการกู้มาประกอบอาชีพที่ถูกลง เพราะผู้ประกอบการมีความเสียหายมาก ต้องปรับปรุงธุรกิจเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่อไป