เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 มีนาคม ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ด้านหลังศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครราชสีมา (ผอ.รมน.จ.นม.) พร้อมพลตรีอนุสรณ์ นุตสถิต รอง ผอ.รมน.จ.นม. และว่าที่ร้อยตรีนิรันดร์ ดุจานุทัศน์ ปลัดจังหวัดนครราชสีมา ฐานะกรรมการและเลขานุการ ผอ.รมน.จ.นม. รวมทั้งผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง วันที่ 2 กลุ่มที่ 1/2 พรรคเพื่อไทย (พท.) และมวลชนคนเสื้อแดง ซึ่งมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต รมช.คมนาคม และ ส.ส.เขต พท. นายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีต รมช.เกษตร และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พท. นายโกศล ปัทมะ อดีต ส.ส.เขต พท. นายสุชาติ ภิญโญ อดีต ส.ส.เขต พท. นายอนุวัฒน์ ทินราช อดีตประธาน นปช.อีสาน นายสมโภชน์ ประสาทไทย อดีตผู้ประสานงานกลุ่มคนเสื้อแดงเขต อ.เมือง และนายภาส อินทรประพงศ์ หรือทนายหมู ปากช่อง อดีตผู้ประสานงานกลุ่มคนเสื้อแดง อ.ปากช่อง และผู้ติดตาม ก่อนเข้าห้องประชุมได้ห้ามนำโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์บันทึกเสียงเข้าไปด้วย โดยให้ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ด้านนอกและเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยได้อนุญาตให้สื่อมวลชนทำข่าวบันทึกภาพและสอบถามข้อสงสัยก่อนจะเชิญออกไปด้านนอก
นายวิเชียรกล่าวว่า ภาพรวมการเปิดรับฟังความคิดเห็นของบรรดาอดีตนักการเมืองและมวลชนในวันแรก เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สิ่งที่ต้องเน้นย้ำเป็นพิเศษ ซึ่งมีข้อมูลไม่มากพอรวมทั้งต้องขยายความให้ชัดเจนครอบคลุมด้วยคือยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และสื่อสารมวลชน เพื่อไม่ให้สื่อตกเป็นเครื่องมือในการสร้างความขัดแย้ง ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือในการประชุมเสนอปัญหา แสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาตินำไปสู่ความสามัคคีปรองดองที่ยั่งยืนต่อไป
ด้านนายประเสริฐให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าหอประชุมว่า รู้สึกแปลกใจ ตั้งแต่รัฐบาล คสช. เข้ามาบริหารประเทศเข้าสู่ปีที่ 3 ได้นำเรื่องการสร้างสามัคคีปรองดองมาฉายซ้ำ ความยุติธรรม ความเท่าเทียมเป็นสิ่งสำคัญเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประเทศสู่ความเจริญก้าวหน้าได้
“ขอให้ทุกฝ่ายมีความชัดเจน จริงใจ ความสามัคคีปรองดองเป็นสิ่งสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จะเกิดขึ้นได้ต้องรับฟังความคิดของทุกกลุ่มทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกันและเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางต่างๆ อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม แนวทางเยียวยานิรโทษกรรมทุกสีเสื้อ ถือเป็นส่วนหนึ่งของความปรองดอง เนื่องจากมีกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์ ยังได้รับโทษถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ”
นายอนุวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ย้อนกลับในช่วงเดือนกรกฎาคม 57 สมัยที่นายธงชัย ลืออดุลย์ ดำรงตำแหน่ง ผวจ.นครราชสีมา ได้วางแนวทางสร้างความปรองดองไว้ ถึงขณะนี้เป็นเวลาร่วม 3 ปี ก็ยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งๆ ที่พวกเราให้ความร่วมมือกับภาครัฐมาตลอด เพราะอยากเห็นบ้านเมืองก้าวเดินไปข้างหน้า กรณีประเด็นนิรโทษกรรม ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ขอแสดงความคิดเห็น
สำหรับบทบาทของเราขณะนี้ คงทำได้เพียงเฝ้ามองการทำงานของรัฐบาล ก็รู้สึกผิดหวัง และมีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมาย ยังไม่มีความเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของความไม่ปรองดอง และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกได้
