“ไชยชนก” ย้ำจุดยืน 4 ข้อ ดันร่างกม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อประโยชน์ปชช. ยันไม่มีล็อกเป้าบุรีรัมย์ ในความคิด แต่ขอโอกาสให้ทุกพื้นที่มีความพร้อมอย่างเท่าเทียม
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่พรรคภูมิใจไทย นายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมผลักดันร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยเสนอ ครม.ภายในปีนี้ จำเป็นต้องนำข้อสังเกต 4 ข้อของพรรคภูมิใจไทยไปร่วมพิจารณาด้วยหรือไม่ ว่า เราต้องขอดูร่างกฎหมายดังกล่าวก่อน แต่จุดยืนของเราไม่เคยเปลี่ยน อาทิ ผลประโยชน์ต้องไม่กระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และต้องกระจายทั่วถึงไปที่พี่น้องประชาชน และต้องสร้างโอกาสและไม่เอาเปรียบกัน ซึ่งตนเชื่อว่า หากนำข้อเสนอของตนไปศึกษาก็อาจจะมีรูปแบบอื่นๆ ที่นำเสนอออกมา ซึ่งเราก็ไม่ขัดข้องอะไร
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยเห็นชอบในหลักการให้มีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ใช่หรือไม่ นายไชยชนกกล่าวว่า สิ่งที่เราเห็นด้วย คือสิ่งที่รับรู้ว่ามันมี ในสังคม ที่รับรู้ว่าเป็นสีเทา สีดำ ที่จะต้องทำให้มาอยู่บนดินเพื่อทำมาก่อให้เกิดประโยชน์ อาทิ เก็บภาษี เก็บข้อมูลได้เพื่อเราจะนำมาพัฒนา หรือควบคุมเพื่อประโยชน์ต่อสังคม
เมื่อถามว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จำเป็นต้องเปิดที่จังหวัดบุรีรัมย์หรือไม่ นายไชยชนกกล่าวว่า ไม่จำเป็น และเรื่องนี้ไม่อยู่ในระบบการคิดตั้งแต่แรก และหากเป็นแนวทางที่ถูกต้องก็มีอยู่ทั่วประเทศได้ และหากพื้นที่ไหนมีศักยภาพก็สามารถตั้งได้ ไม่ใช่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง และต้องสามารถตั้งได้ในทุกๆ ที่อย่างเท่าเทียม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 4 จุดยืนของพรรคภูมิใจไทย เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างกฎหมาย “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” โดยขณะนั้น นายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรค ภท. แถลงจุดยืนวันที่ 13 สิงหาคม 2567 จำนวน 4 ข้อ ดังนี้ 1.พ.ร.บ.ฉบับนี้จะไม่แก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และอาจทำให้มีการพนันทั้งบนดินและใต้ดินจนเกิดปัญหา 2.เรื่องผลประโยชน์ต่อรัฐและประชาชน เรายังรู้สึกว่า ยังไม่มีความชัดเจนมากพอที่จะลงทุนทำเรื่องแบบนี้ 3.ผลกระทบต่อการขับเคลื่อนกระตุ้นท่องเที่ยว ซึ่งเราไม่มั่นใจว่ากาสิโนจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้ และ 4.เท่าที่ดูยังไม่เห็นมาตราไหนของร่างกฎหมายดังกล่าว ระบุเรื่องการช่วยเหลือแรงงานชาวไทยในการจ้างงาน ซึ่งเชื่อว่าพรรคร่วมอื่นๆ คงมีความเห็นเช่นกัน และหวังว่ารัฐบาลจะนำประเด็นต่างๆ เหล่านี้ไปพิจารณา
