ส.ส.โตโต้-เบญจา ให้คำมั่น – พรรคปชช.ลั่น มีห้องชื่อ ‘นวมทอง ไพรวัลย์’ สักขีพยานย้ำเตือน ‘ มีประชาชนยอมแลก’
เนื่องในวันครบรอบ 18 ปี การเสียชีวิตของ นายนวมทอง ไพรวัลย์ สามัญชนคนขับแท็กซี่ ผู้กระทำอัตวิบาตกรรมด้วยการขับรถแท็กซี่ชนรถถัง เพื่อต่อต้านการทำรัฐประหาร ปี 2549 ก่อนผูกคอปลิดชีพตนเองหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2549 เพื่อลบคำสบประมาทของพันเอกอัคร ทิพโรจน์ รองโฆษกคณะรัฐประหาร คปค. ที่ว่า “ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้”
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่หน้าสำนักงาน หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 53 ร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงและเครือข่าย จัดงาน “รำลึก 18 ปี นวมทองไพรวัลย์ ต้านเผด็จการ สานต่อประชาธิปไตย นิรโทษกรรม 112 วัน”
เวลา 15.00 น. หลังประกอบพิธีสงฆ์ เข้าสู่ช่วงกล่าวรำลึก โดยคณะก้าวหน้า และพรรคประชาชน ส่งตัวแทนเข้าร่วมอาทิ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในนามคณะก้าวหน้า, ส.ส.กทม.พรรคประชาชน ได้แก่ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือ ทนายแจม และ นายปิยรัฐ จงเทพ
น.ส.ศศินันท์ หรือ ส.ส.แจม กล่าวว่า ตนเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลุงนวมทอง แต่ในห้องประชุมของพรรคประชาชน เรามีห้องหนึ่งชื่อ ‘นวมทอง ไพรวัลย์’ ส่วนหนึ่งเราคิดว่าการเสียชีวิตของลุง น่าเคารพยกย่อง และเป็นสักขีพยานว่ามีประชาชนยอมเสียชีวิตเพื่อไม่ให้เกิดการรัฐประหารอีก
ตนยังจำในข้อความของลุงนวมทองที่ว่า ‘ชาติหน้า เกิดมา คงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก’ แสดงว่าเราไม่ได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นั้นเลย รัฐไม่ได้มองเห็นการสูญเสียของประชาชน
“มารอบนี้ แม้ชื่อพรรคจะเปลี่ยน แต่อุดมการณ์ไม่เปลี่ยน เราไม่สามารถยอมรับการรัฐประหารได้อีกต่อไป ในฐานะพรรคประชาชนจะยืนยันในหลายๆ เรื่องเหมือนเดิม อย่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ยังยืนยันในสิ่งที่เราเคยพูดเอาไว้ ตั้งแต่ก่อนเป็น ส.ส คือการเป็นทนายความ
เรายังอยู่ในทิศทางเดิม มองว่า การนิรโทษกรรม จำเป็นต้องรวมมาตรา 112 เพราะเป็นคดีการเมือง ถ้าจะยุติความขัดแย้ง ต้องรวมมาตรานี้ด้วย เรื่องรัฐธรรมนูญและอื่นๆ เราจะยังคิดตามเหมือนเดิม เราจะต้องพยายามขยับไปข้างหน้าพร้อมกัน ด้วยความอาลัย และสดุดีลุงนวมทอง”
ด้าน นายปิยรัฐ หรือ โตโต้ กล่าวว่า ยังมีกฎหมายเกี่ยวกับนิรโทษกรรม ค้างคาอยู่อีก 4 ฉบับ ไอลอว์ เสนอแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรม อีกร่างของก้าวไกล และอีก 2 ร่างของพรรครัฐบาล ก็ยังอยู่ในสภา ยืนยันว่า เราต้องอภิปรายเรื่องนี้ในสภา ว่าจะสนับสนุนให้มีการแก้ไขมาตราใดบ้าง คาดว่า ช่วงต้นสมัยหน้า 22 ธ.ค. จะมีการพูดถึง
“แต่ผมเองคงพูดเรื่องนี้มากไม่ได้ เพราะเป็นผู้ได้เสีย ปีนี้คดี ม.112 ของผมยกฟ้องไป 1 คดี แต่ยังเหลือ ม.112 อีก 2 รวมคดีอื่นๆ อีกเป็น 5 คดี ผมยังสู้คดี ไม่หลบไปไหน ไปขึ้นศาลทุกนัด
มีคนบอกว่า ส.ส.จะไปหรอ ไม่หนีเหรอ ผมบอกว่า จะไป ติดคุกวันนี้ก็ไม่เสียใจ แต่ผิดคาด ทนายรีบยกมือขอว่าต้องให้ประกันวันนี้ไม่อย่างนั้น ส.ส.หลุด ผมหน้าเสียเลย กระทั่งอ่านคำพิพากษา เป็นคำพิพากษาที่สั้นที่สุดเท่าที่ผมเคยฟัง ใช้เวลาอ่านแค่ 5 นาที เท่านั้น ในการยกฟ้องคดีผม
เป็นอีกความหวังหนึ่ง อย่าคิดว่าคดี ม.112 จะติดคุกเสมอไป หรือไม่มีความหวัง ยังมีผู้พิพากษาที่กล้าหาญ ธำรงความยุติธรรม นี่คือความหวังจริงๆของพวกเรา” นายปิยรัฐกล่าว
นายปิยรัฐกล่าวต่อว่า ในความมืดมิด ก็ยังมีแสงสว่างอยู่บ้าง ยังมีลุงนวมทอง ในวันที่มืดมิดรัฐประหารปี 49 ที่ออกมากระทำอัตวินิบาตกรรม ต่อต้านเผด็จการ 1 เสียงของพวกท่านมีคุณค่ามาก สิ่งสำคัญตอนนี้คือกำลังใตให้กันและกัน อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งถอย
ด้าน น.ส.เบญจา ในนามคณะก้าวหน้า กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นทุกครั้งหลังทำรัฐประหาร คือความขัดแย้ง คือการที่พี่น้องออกมาต่อต้านการทำรัฐประหาร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือคนหนุ่มสาวถูกดำเนินคดี ด้วยข้อหาที่ร้ายแรงท่ามกลางสถานการณ์ขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้
“ดิฉันคิดเสมอว่า หลังจากนี้ไป หลังเรามีรัฐบาลที่มาจากประชาชน สิ่งที่เกิดขึ้นในทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา จะมีประตูไหนที่เปิดไปสู่การปรองดองได้บ้าง สิ่งที่เราต้องคิดหลังจากนี้ คือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
วันนี้เรายังอยู่ท่ามกลางมรดกของคณะรัฐประหาร ประตูบานแรกไม่อะไรดีไปกว่า การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และนิรโทษกรรมประชาชน เป็นโจทย์แรกที่ต้องคิด” น.ส.เบญจากล่าว
น.ส.เบญจากล่าวต่อว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า การพูดถึงการนิรโทษกรรม มักนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมเสมอ จากการที่จะนิรโทษกรรมคดีการเมือง โดยรวม ม.112 ยังเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันอยู่ ยังไม่ตกผลึก
“วันนี้ 31 ต.ค.เมื่อ 18 ปีที่แล้ว ลุงนวมทอง ยุติลมหายใจ เพื่อแสดงออกต่อคนทั้งโลก สังคม และผู้ใช้อำนาจกดขี่ ว่าอุดมการณ์ประชาธิปไตย เป็นทางออกของพวกเราทุกคน สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย คือ การยืนหยัดแม้จะต้องยุติลมหายใจของตัวเอง แต่เป็นการยืนยันแล้วว่า เลือดเนื้อจิตวิญญาณ อยู่เหนือลมหายใจของตัวเอง
วันนี้สิ่งที่ดิฉันรำลึกถึง คือ จิตวิญญาณประชาธิปไตย สิ่งที่ยังหายใจอยู่คืออุดมการณ์ ที่เชื่อว่า คนที่นี่ยึดถือร่วมกัน
“ก่อนไฟจะหมดลง อยากให้ทุกคนกล่าวขาน สิ่งที่ลุงนวมทองทำมาในอดีต ว่าคือประกายไฟแห่งความฝัน แล้วจะยืนหยัดสานต่ออุดมการณ์ของลุงนวมทอง ขอรำลึกและยืนหยัดต่อสู้ต่อไป” น.ส.เบญจากล่าว