รมช.อิ่ม โต้ กล่าวหาครอบงำธปท. แค่ข้ออ้างล้มพรรคการเมืองจากการเลือกตั้ง ฝักใฝ่รัฐประหาร
ในวันที่ 4 พฤศจิกายน เวลา 14.00 น. จะมีการคัดเลือกประธานคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ โดย 3 รายชื่อที่เป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ประธานบอร์ด ธปท. คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เสนอชื่อโดยกระทรวงการคลัง
อีก 2 ชื่อที่เสนอจาก ธปท.มี 2 คน ได้แก่ นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน, นายสุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกรรมการอิสระ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
เนื่องจากในช่วงเช้าจะมีกลุ่มคัดค้านเดินทางไปแสดงพลังและมีกำหนดนัดหมายในเวลาประมาณ 10.00 น.
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลายฝ่ายมีการตั้งคำถามถึงความเหมาะสม จนมีหนังสือจาก 227 นักวิชาการ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม “แถลงการณ์คัดค้านการครอบงำธนาคารแห่งประเทศไทยโดยกลุ่มการเมือง” ซึ่งเป็นแถลงการณ์ห่วงใยธนาคารแห่งประเทศไทย ถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเมือง เพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น ทำลายเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รีโพสต์ตอบกลับข้อความของ นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส ที่ระบุว่า “พรุ่งนี้คณะกรรมการคัดเลือกจะตัดสินเลือกผู้จะไปเป็นประธานและกรรมการบอร์ดแบงก์ชาติ 2 คนท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่กระทรวงการคลังเสนอชื่อ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธาน
นี่เป็นระเบิดเวลาการเมืองลูกใหญ่ลูกหนึ่ง (ในบรรดาอีกหลายๆ ลูก) ของรัฐบาลแพทองธาร
ถ้าฝ่ายการเมืองดันทุรังอ้างเหตุผลตีความตามตัวหนังสือโดยไม่คำนึงถึงความสำคัญของการ “รักษาระยะห่างอันเหมาะสม” ระหว่างการเมืองกับการธนาคารกลางตามมาตรฐานสากล จะกลายเป็นวิกฤตศรัทธาต่อประเทศไทยในระดับสากล”
โดย น.ส.ธีรรัตน์โพสต์ข้อความระบุว่า “นายกฯ แพทองธารจะดึงดันไปเพื่อทำลายตัวเองทำไม?
ข้ออ้างของผู้ต้องการล้มล้างพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง คือสร้างทัศนคติที่ไม่ดีต่อนักการเมือง และพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามตนเอง ทำให้นักการเมืองถูกมองในแง่ร้าย ว่าจะทำแต่สิ่งไม่ดี ถือเป็นวิธีของผู้ฝักใฝ่รัฐประหาร หากสื่อมวลชนนำเสนอข่าวด้วยวิธีนี้จะเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศไทย”
ข้ออ้างของผู้ต้องการล้มล้างพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง คือสร้างทัศนคติที่ไม่ดีต่อนักการเมือง และพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามตนเอง ทำให้นักการเมืองถูกมองในแง่ร้าย ว่าจะทำแต่สิ่งไม่ดี ถือเป็นวิธีของผู้ฝักใฝ่รัฐประหาร หากสื่อมวลชนนำเสนอข่าวด้วยวิธีนี้จะเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศไทย https://t.co/i53niHVskF
— Theerarat S. (@aim_theerarat) November 3, 2024