‘บรรเจิด’ชี้รธน.มีชัยคือรถเสียศูนย์ ให้อำนาจรัฐมากเกิน จนขาดดุลยภาพ

“บรรเจิด”ชี้ร่าง รธน.มีชัยขาดดุลยภาพ มุ่งให้อำนาจภาครัฐเกินไป เปรียบเหมือนรถเสียศูนย์ อัดที่ผ่านมามีแต่แพลนนิ่ง ไม่มีแอ๊กชั่น

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ นายบรรเจิด สิงคะเนติ อดีต กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ถึงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ความสำคัญกับภาครัฐและองค์กรต่างๆมาก อาจจะดูปัญหาเฉพาะ แต่ไม่ได้ดูดุลยภาพแบบระยะยาว จนทำให้ไม่มีดุลยภาพ คือ 1.ขาดดุลยภาพระหว่างประชาชนกับรัฐ เพราะไม่ให้ความสำคัญในมติอำนาจของประชาชนเลย 2.ไม่มีดุลยภาพระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน เพราะไม่มีกลไกให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานรัฐบาล ทำให้ระบบรัฐสภาไม่มีดุลยภาพ เพราะไปให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญแก้ปัญหาประเทศ แต่ไม่ทำกลไกในรัฐสภา ในการถ่วงดุล ตรวจสอบ เพื่อแก้ปัญหา และ 3.ไม่มีดุลยภาพระหว่างส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ไม่มีความก้าวหน้าในเรื่องการกระจายอำนาจ และเมื่อเกิดปัญหาก็จะกลับมาสู่ส่วนกลางเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับของกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น เรามีการมองดุลยภาพของทุกฝ่าย ไม่ให้อำนาจไปอยู่ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นข้อพิจารณาของ กรธ.ในการสร้างดุลยภาพทั้งหมด หากเป็นอย่างนี้อยู่ก็จะส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก ทำให้ภาคประชาชนไม่มีอำนาจ ภาครัฐไปให้อำนาจองค์กรตรวจสอบ และภาคการเมืองถูกกำกับ จนทำให้เสียศูนย์ เหมือนรถยนต์ที่เสียศูนย์

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านการทำประชามติหรือไม่ นายบรรเจิดกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ ต้องรอดูวันที่ 29 มีนาคมที่จะถึงนี้ก่อนว่าข้อกังวลในหลายๆ เรื่องนั้น กรธ.จะมีการแก้ไขมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้มองว่าร่างรัฐธรรมนูญควรให้น้ำหนักไปที่การปฏิรูปประเทศเพื่อแก้ปัญหาที่รากฐานของปัญหาอย่างแท้จริง โดยวันนี้รัฐบาลสามารถทำการปฏิรูป วางแนวทางได้เลย โดยไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญ เพราะผ่านมาแล้ว 2 ปียังไม่ไปไหน มีแต่แพลนนิ่ง แต่กลับไม่มีแอ๊กชั่นเรื่องการปฏิรูปเลย ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีระบุว่ารัฐธรรมนูญจะต้องมีช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี นายบรรเจิดกล่าวว่า ก็ต้องไปถาม พล.อ.ประยุทธ์เอง