“ทักษิณ” เจรจาข้ามทวีป เดิมพัน เงิน-อิสรภาพ “ยิ่งลักษณ์” !!

ปรากฏการณ์ 2 พี่น้องตระกูลชินวัตร อดีตนายกฯ “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ ในเวลาไล่เลี่ยกัน กลายเป็นสัญญาณที่ส่งแรงสะเทือนไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทำเนียบรัฐบาล

การปรากฏตัวของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ในวันที่ 17 ก.พ. เปิดปากให้สัมภาษณ์กับเรื่องราวหลังรัฐประหาร กับ CNN สื่อต่างประเทศครั้งแรก หนึ่งในปมที่ “ยิ่งลักษณ์” กล่าวถึง คือการต่อสู้คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

“คิดว่ามันประหลาด นโยบายมุ่งช่วยเหลือประชาชน ปัญหาที่เกิดหากมีก็อยู่ในระดับปฏิบัติ แต่กลับให้ดิฉันซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา”

พร้อมยืนยันว่า “จะอยู่ต่อสู้คดี ดิฉันมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะต้องสู้ ทุกสายตาที่จับจ้องดิฉัน ดิฉันให้ความมั่นใจได้ว่า ดิฉันไม่เคยคิดแม้แต่จะหนี”

ส่วนพี่ชาย-“ทักษิณ” กล่าวผ่าน วอลล์สตรีต เจอร์นัล ถึง “นายกฯปัจจุบัน” ว่า “โปรดอย่าได้ระแวงกันเลย ไม่ต้องกลัวหรอกว่า ผมจะกลับไปมองหาหนทางแก้แค้น ผมไม่ได้มองหาเงื่อนไขใด ๆ ที่จะช่วยตัวผมเอง แต่ถ้าหากคุณมีเจตนาดีจริง ๆ ที่จะขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ถ้าหากต้องการคืนศักดิ์ศรีให้กับประชาชนไทย ก็มาพูดจากัน”

ADVERTISMENT

ถ้อยคำ ข้างต้นถูกตีความไปว่า “ทักษิณ” ต้องการเปิดโต๊ะเจรจาคดีความต่าง ๆ ของตนเอง สอดคล้องในจังหวะที่คดีจำนำข้าวของ “ยิ่งลักษณ์” ใกล้งวดขึ้นเรื่อย ๆ

ช่วงหนึ่ง “ทักษิณ” กล่าวถึงชะตากรรมน้องสาวว่า “ผมบอกคุณได้เลยว่า เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง ไม่ได้ไม่พอใจผู้พิพากษา แต่ไม่พอใจเกี่ยวกับระบบว่าทำไมต้องตั้งข้อหาเธอ หวังว่าเธอคงไม่ถูกพิพากษาว่าผิด แต่ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก”

ซึ่งในเวลาไล่เลี่ยกัน “ยิ่งลักษณ์” กลับถูกปิดปากไม่ให้พูดผ่านสื่อ หลังการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ คดีจำนำข้าวที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีคำสั่งศาลที่ส่งไปยังฝ่ายโจทก์และจำเลยว่า ในการให้สัมภาษณ์สื่อ อย่าให้มีการชี้นำหรือบิดเบือนข้อมูล ทำให้คู่กรณีในคดีจำนำข้าวทุกฝ่ายงดให้ข่าว โดยเฉพาะฝ่าย “ยิ่งลักษณ์” ลามไปจนถึงทีมทนายที่ “งด” ให้สัมภาษณ์ เพราะเกรงจะกระทบกับการประกันตัว ซึ่งในคดีนี้ “ยิ่งลักษณ์” อยู่ในฐานะ “จำเลย” หากพลั้งปากอาจถูกถอนประกันได้

อย่างไรก็ตามในการสืบพยานในชั้นศาลนั้น ณ เวลานี้เป็นการสืบพยานฝ่ายโจทก์ (อัยการ) รวมทั้งสิ้น 14 ปาก ซึ่งขณะนี้สืบพยานไปแล้ว 2 ครั้ง เหลืออีก 3 นัด ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559, วันที่ 4 และ 23 มีนาคม 2559

จากนั้นจะสืบพยานฝ่ายจำเลย 43 ปากนัดแรกในวันที่ 22 เมษายน 2559, วันที่ 13 และ 18 พฤษภาคม 2559, วันที่ 17 และ 24 มิถุนายน 2559, วันที่ 8 และ 22 กรกฎาคม 2559, วันที่ 5 และ 19 สิงหาคม 2559, วันที่ 9 และ 23 กันยายน 2559, วันที่ 7 และ 21 ตุลาคม 2559, วันที่ 4 พฤศจิกายน และไต่สวนพยานนัดสุดท้ายวันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 ถ้าไม่มีอะไรพลิกผันไปจากปฏิทินศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ เมืองจะมีการอ่านคำพิพากษาในเดือนธันวาคม

ส่วนคดีการเรียกร้องค่า เสียหายทางแพ่งซึ่งเดินคู่ขนานกับคดีอาญานั้น ก็มีเงินนับแสนล้านเป็นเดิมพัน หลังจากคณะกรรมการว่าด้วยการรับผิดทางแพ่งคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ชุดที่มี นายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้สรุปตัวเลขความเสียหายเสนอให้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 เพื่อพิจารณาเห็นชอบแล้ว ต่อจากนั้นจะส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงนามคำสั่งทางปกครองดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย

มูลค่าเสียหายที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าวเปลือกตามนโยบายรัฐบาล ชุดที่มี นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ นับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในโครงการจำนำข้าวสมัยรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” มีจำนวน 4 โครงการ จะมีผลขาดทุน 5.18 แสนล้านบาท และการเรียกค่าเสียหายจะมีอายุความ 2 ปี

เมื่อ “ยิ่งลักษณ์” และบริวารถูกสั่งห้ามพูดเกี่ยวข้องคดีความ ในจังหวะที่คดีความงวดเข้าสู่ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานมากขึ้นทุกที

“ทักษิณ” ในฐานะพี่ชายร่วมสายเลือด มิอาจอยู่นิ่งเฉย ลุกขึ้นมาตั้งโต๊ะเจรจากับ คสช.ข้ามทวีป แทน “ยิ่งลักษณ์”