‘บิ๊กจิ๋ว’แนะคสช.สละอำนาจให้เลือกตั้งภายในปี59 เสนอทำประชามติให้คสช.อยู่ถึงปีไหน เชื่อ’ทักษิณ’ขอเจรจารัฐบาลเพราะเป็นห่วงบ้านเมือง พร้อมกันนี้ตนปฏิเสธนั่งนายกฯคนกลาง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ก.พ.59 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ เปิดบ้านซอยปิ่นประภาคม อ.เมือง จ.นนทบุรี เปิดแถลงเพื่อแนะแนวทางข้อเสนอในสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันต่อ คสช. และประชาชนทั่วไป พร้อมทั้งทำจดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนชาวไทยผู้รักชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสืบภาค 1 สันติบาลและตำรวจในพื้นที่นนทบุรีทั้งในและนอกเครื่องแบบค่อยสังเกตการณ์ดูแลความเรียบร้อยและเป็นที่น่าสังเกตุว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบมาเฝ้าสังเกตุการณ์หรือบันทึกภาพเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา
พล.อ.ชวลิตฯ กล่าวว่าผมได้บอกหลายทีแล้วว่าการสร้างอำนาจของพี่น้องประชาชนหรือการแก้ไขปัญหาของแผ่นดินเพื่อให้อยู่ดีกินดี เพราะอธิปไตยของปวงชนเป็นกฎเกณท์เป็นประเด็นสำคัญ 1 ใน 5 ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย คือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมีหลักการอยู่ 5ประการ เคยบอกกันอยู่หลายครั้งแล้วว่า ประที่ 1 สำคัญที่สุดคืออธิปไตยเป็นของมวลชนเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นของประชาชนโดยตรง ซึ่งประชาชนต้องใช้อำนาจนี้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน เพราะนั้นประชาชนส่วนใหญ่ในแผ่นดินต้องได้อำนาจนี้คืนได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองต้องการมีความสุข มีความเจริญก้าวหน้า อยู่ดีมีสุขพูดง่ายๆไม่ใช้ยากจนอยู่เหมือนทุกวันนี้ ประเด็นที่ 2 คือเสรีภาพของบุคคล ส่วนประเด็นที่ 3 4 5 มันก็สำคัญแต่ก็ไม่ค่อยสำคัญเท่ากับ 2 ประเด็นแรก ประเด็นที่ 3 คือความเสมอภาค ประเด็นที่ 4 คือการปกครองโดยใช้หลักกฏหมาย ประเด็นที่ 5 คือการปกครองหรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คอมมิวนิสต์เขาโดยสรุปแล้วการปกครองในระบอบประชาธิปไตย คือการปกครองของประชาชน โดยประชาชนเพื่อประชาชน คอมมิวนิสต์เขาก็มีเขาก็มีการปกครองแบบนี้เป็นการปกครองของประชาชนเหมือนกัน แต่แทนที่ปกครองโดยประชาชนแต่เป็นการปกครองโดยคอมมิวนิสต์ปาร์ตี้ของไชน่า หมายถึงพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน แต่สุดท้ายเขาก็ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
วันนี้เราได้ให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญมากเหลือเกิน มากจนลืมอะไรต่ออะไรต่างๆหมด เสียเงินเสียทองมากมายก่ายกองกับรัฐธรรมนูญซึ่งร่างกันแล้วร่างกันอีก วันนี้ฉบับที่ 19 จบไปแล้ว ฉบับบที่ 20กำลังจะเกิด กำลังเถียงกันจะเกิดไม่เกิด บางคนบอกเกิดบางคนบอกไม่เกิด ก็แล้วแต่จะคิด บางคนบอกข้อที่ 16 ให้ระยะเปลี่ยนผ่าน จากที่มีมา 2ปีแล้วไม่พอ อยากได้อีก 5 ปี บางคนบอก 5 ปี จะพอหรือเอาสัก 10 ปี ก็เเล้วกัน แล้วยังต้องอาศัยอีก 10 ปีหรือ 15 ปี ในการปฎิรูปไปกันใหญ่ ซึ่งปกติแล้วในการที่เปลี่ยนผ่านบอกแล้วว่าต้องเป็นในระยะแรกซึ่งทหารหรือผู้ที่เข้ามากุมอำนาจ เราไม่ได้ต่อว่าท่าน พวกเราเข้าใจกันอยู่แล้ว เห็นใจและเข้าใจว่าท่านเสียสละอยู่แล้วในการเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่เข้ามาเมื่อประเทศชาติกำลังวิกฤตและจะนำไปสู่ความสูญสิ้นความเป็นชาติเป็นแผ่นดิน นั้นก็คือคนไทยจับอาวุธขึ้นต่อสู่เหมือนเมื่อ 30ปีก่อนนั้นอีก เพราะฉะนั้นหน้าที่ของทหารคือการสร้างความสมานฉันท์ ความปรองดอง ความรักใคร่ เท่าที่ทำได้ให้กับพี่น้องประชาชนในแผ่นดินเท่านั้นเอง ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาพัฒนาโน้น พัฒนานี้ ตื่นเช้าขึ้นมาก็โดนถามนู้น ถามนี้ เรื่องนู้น เรื่องนี้
ความสำคัญมันอยู่ตรงนี้ “การดูรัฐธรรมนูญแตกต่างกันยังไง คืออธิปไตยของปวงชนกับเสรีภาพของบุคคลที่สำคัญมาก ให้ดูตรงนี้ ” ไม่ต้องไปดูเรื่องเล็ก เรื่องน้อย เรื่องโน้น เรื่องนี้ ความจริงมันไม่ควรเอามาใส่ในรัฐธรรมนูญหรอก ถ้าใส่ก็ไม่ว่าแต่รัฐธรรมนูญก็หนาหน่อย ปกติเขาก็เอาไปใส่ในกฎหมายอื่น กฎหมายลูกเอาไว้แก้ไขทีหลังทำให้ง่ายขึ้น แต่หลักของรัฐธรรมนูญที่สำคัญมีอยู่ 2 ตัว อธิปไตยของปวงชนและเสรีภาพของบุคคลมันเป็นเหมือนคานที่เสมอกัน ด้านหนึ่งเป็นอธิปไตยของปวงชน อีกด้านหนึ่งเป็นเสรีภาพของบุคคล ถ้าเกิดมันเอียงไปด้านอธิปไตยของปวงชนสูง เสรีภาพของบุคคลมันก็จะเอียงต่ำน้อยลงไปเอง โดยอัตโนมัติ และในทางกลับกันถ้าเอียงในด้านของเสรีภาพของบุคคลสูง อธิปไตยของปวงชนมันน้อย ประชาชนจะทำอะไรก็ได้ อำนาจของรัฐบาลในการดูแลก็จะน้อยลงไป มันก็จะไม่เกิดการสมดุลกัน ให้ดูตรงนี้เป็นหลักสำคัญ
ส่วนเรื่องความมั่นคงวันนี้สำคัญความมั่นคงในประเทศนี้สำคัญกว่าความมั่นคงที่มาจากภายนอกประเทศ ทุกวันนี้เรารวมตัวกันเป็นอาเซียน ทุกคนมีภาระหน้าที่และการรวมตัวกันไม่ใช้จะมีการขัดแย้งอะไรต่างๆ เพราะนั้นการที่มีข่าวสารว่าเรากำลังไปซื้อเรือดำน้ำมา 3ลำนั้น ผมไม่รู้ผมไม่แน่ใจนะ ใครเอาเรื่องไปพูดเดี๋ยวจะเสียหายต่อรัฐบาลหมด ผมว่าเขาไม่ไปซื้อหรอกครับ เพราะเรือดำน้ำมันยังไม่เหมาะกับประเทศไทยอย่างแน่นอนที่สุด ถึงขนาดที่จะต้องเตรียมเรือดำน้ำไว้ ถ้าเอามาเพื่อการฝึกผมไม่ว่าเลยแต่ถ้าเอามาเพื่อปฎิบัติการณ์ผมว่ามันยังไม่จำเป็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวระบุว่านับแต่ คสช.อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาของชาติและความขัดแย้งของบ้านเมืองตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 ซึ่งสามารถระงับยับยั้งความขัดแย้งได้ในระดับหนึ่ง แต่จากการบริหารงานมาครบ 2 ปี ปรากฏว่าแนวทางที่รัฐบาล คสช.กำลังดำเนินการกลับมีแนวโน้มนำไปสู่ความขัดแย้งในบ้านเมืองยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนเดือดร้อน เศรษฐกิจเข้าสู่ยุคเงินฝืด ประชาชนขาดกำลังซื้อ การส่งออกลดลงอย่างรุนแรง
เนื้อหาระบุว่า ขณะที่การร่างรัฐธรรมนูญที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานกรรมการร่างฯนั้น ได้รับการต่อต้านจากหลายภาคส่วนมากยิ่งขึ้น โครงสร้างและเนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยที่อำนาจ อธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง มิหนำซ้ำยังถอยหลังเข้าคลองหลายสิบปี ทั้งนี้ ร่างดังกล่าวอยู่ระหว่างการปรับปรุงก่อนไปสู่ขั้นตอนการจัดทำประชามติ มีข่าวว่ารัฐบาลพยายามทุกวิถีทางผลักดันเพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน ประชามติให้ได้ ขณะเดียวกันภาคประชาชนก็มีเครือข่ายเตรียมการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและไม่ให้ประชามติครั้งนี้ผ่านไปได้ จากประสบการณ์ในชีวิตของตนที่ได้มีส่วนเข้าไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศช่วงที่ผ่านมา เชื่อได้ว่าเป็นการยากที่ คสช. และรัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นและรุมเร้าอยู่ได้ และทราบว่าเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมาผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่องค์กรสหประชาชาติ ฝ่ายการเมืองและคณะได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อติดตามสถานการณ์ทางการเมือง โดยหวังให้ไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย
เนื้อหาระบุอีกว่า จากปัญหาที่ซับซ้อนดังกล่าว การเสียสละอำนาจของ คสช. ถ้าไม่เกิดขึ้นโดยเร็วก็ยากที่จะขจัดปัญหาให้หมดสิ้น ซึ่งจะตกเป็นภาระแก่ชนรุ่นหลัง ในฐานะนายทหารรุ่นพี่ขอร้อง คสช.ไตร่ตรองปัญหาประเทศโดยเมื่อท่านได้ทำหน้าที่รักษาความสงบของบ้านเมืองแล้วก็ควรจะเสียสละอำนาจส่งต่อภาระหน้าที่ให้กับคณะกรรมการกลางที่จะมาจากภาคส่วนต่างๆ ร่วมกันบริหารจัดการให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ภายในปี 2559 เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
หลังจากนั้นพล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์ถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธ์ จะผ่านประชามติหรือไม่ ตนกับนายมีชัยและนายวิษณุ เครืองาม เคยทำงานร่วมกันมา ไม่ทราบว่าจะผ่านหรือไม่ แต่ขอให้ร่างรัฐธรรมนูญเป็นฉบับที่ดีที่สุดไม่ถูกฉีกอีก ทั้งนี้ขอให้นายมีชัย ยืนอยู่บนแนวทางที่ถูกต้อง อย่าต้องถึงขั้นต้องรับคำสั่งโดยตรงจากคสช.
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้รับคำสั่งจาก คสช. เพื่อให้ประชามติผ่านหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาแต่ตนมองว่าอยากให้ทหารถอนตัว เพราะไม่ใช่หน้าที่ของทหาร
ส่วนกรณีที่รัฐบาลคสช.จะอยู่ต่อช่วงเปลี่ยนผ่านไปอีก 5 ปี พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า จะเป็นไปได้อย่างไร บอกหลายทีแล้วว่า คสช. มีภาระหน้าที่แค่ไหน ท่านเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเท่านั้น มีหน้าที่เข้านี้จะขออยู่ต่ออีก 5 ปีได้อย่างไร แค่ 5 เดือนก็ไม่ไหว เพราะตลอด2 ปีที่บริหารประเทศก็เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร ยิ่งมีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ถ้าคสช.อยู่ต่อแล้วอาจจะเหมือนอดีตรัฐบาลที่ผ่านมาที่เข้ามาได้รับดอกไม้ พอออกไปได้รับก้อนอิฐ
มองอย่างไรกับการเคลื่อนไหวและการให้สัมภาษณ์ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงนี้ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ท่านคงพูดด้วยความเป็นห่วงบ้านเมือง
อยากฝากอะไรถึงนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า อยากให้คนไทยมีงานทำ คือให้คนไทยนำเอาของไปขายที่ต่างประเทศ ทำเป็นรถเข็นใช้ชื่อ รถจันทร์โอชา เอาต้มยำกุ้ง อาหารไทยที่ขึ้นชื่อไปขายหรือออกบู้ทขายตามเมืองต่างๆที่บริโภคข้าวไทย ซึ่งจะทำให้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้น โดยนำสินค้าโอท็อปไปขายด้วย คนไทยจะได้ไม่ตกงานและมีรายได้เข้าประเทศด้วย
ทั้งนี้พล.อ.ชวลิตยังแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ที่มีกลุ่มก่อการร้ายเข้ามามีอิทธิพลในอาเซียน ว่า ขณะนี้ในพื้นที่ภาคใต้มีองค์กรชื่อว่า แบล็กสวอน หรือ เหยี่ยวดำ เกิดขึ้น ทราบว่าอาจจะเป็นของกลุ่มไอซิส ไม่รู้ว่าทางรัฐบาลทราบหรือยัง แต่อยากให้รัฐบาลดูแลด้านการข่าวให้เข้มแข็งกว่านี้ เพราะว่าขณะนี้รูปแบบการขัดแย้งในภาคใต้มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องเปลี่ยนวิธีรับมือตามไปด้วย
