“ธรรมนัส” ขนก๊วน “มาตามนัด” แถลงเข้าพรรค “กล้าธรรม” อย่างเป็นทางการ โวมี สส.จ่อมาสมทบ 30 เก้าอี้ รอวันเปิดตัว ย้ำไม่มีดีล “ลุงป้อม” ก่อนแยก ลั่น ผมทำการเมืองแบบสันติ ไม่ทะเลาะกับใคร ปัดตอบเป็นอะไหล่ “เพื่อไทย” บอกอยู่พรรคร่วมเดียวกัน ยันยกมือหนุนหากนโยบายเป็นประโยชน์ ฟาด พรรคไหนไม่เห็นด้วยบ่อยๆก็แยกไป
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 ธันวาคม 2567 ที่รัฐสภา พรรคกล้าธรรม นำโดย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และ ส.ส.จำนวน 20 คน ที่ถูกพรรคพลังประชารัฐขับออก ร่วมแถลงเข้าพรรคกล้าธรรม อย่างเป็นทางการ โดย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นฤกษ์ดียามดี ซึ่งตามที่เป็นข่าวมาโดยตลอดถึงกลุ่มของพวกเราที่เคยสังกัดอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ เรื่องนี้มีพี่น้องสื่อมวลชนหลายสำนักที่พยายามจะติดต่อตน ตนขอกราบอภัยที่ไม่ได้รับสาย ไม่อยากให้ข่าวที่ไม่พร้อมกัน อยากจะแถลงข่าวให้ได้รับทราบพร้อมกัน พวกเราเองจึงตั้งกลุ่มว่า “มาตามนัด” ในนามของ ส.ส. 20 คน และถือฤกษ์ดียามดีในวันนี้ที่จะแถลงให้ทราบ
“ตั้งแต่การรวมตัวกันตั้งรัฐบาล ได้นายกรัฐมนตรีท่านใหม่บริหารบ้านเมือง พวกเราประกาศชัดเจนว่าจะสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ในเรื่องของฝ่ายกฎหมาย การเข้าเป็นสมาชิกพรรคใหม่ สังกัดใหม่ยังไม่สามารถทำได้จนกระทั่งมีมติชัดเจนให้ขับผมออกจากพรรคพลังประชารัฐ กระบวนการทางกฎหมายเป็นที่ยุติว่าคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ พร้อม ส.ส. มีมติชัดเจน 3 ใน 4 ขับพวกผมออกจากพรรคพลังประชารัฐ จากนั้นทั้ง 20 คน พร้อมกันสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวต่อว่า ตนได้แจ้งประธานสภาเรียบร้อยแล้ว ว่าออกจากพรรคพลังประชารัฐ และขั้นตอนต่อไปในขณะนี้เรามีสมาชิก 24 ชีวิต ทั้งที่ย้ายมาเก่าและใหม่ในพรรคกล้าธรรม พร้อมย้ำว่าเรายังมีอีกหลายชีวิต แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องนำเสนอหรือชี้แจงตอนนี้ ดังนั้น วันนี้อยากจะฝากว่าเราทั้ง 24 ชีวิตที่ยืนอยู่บนเวที ณ เวลานี้ เราคือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคกล้าธรรม
จากนั้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวติดตลกกับนางนฤมลว่า “ไม่ทราบว่าท่านหัวหน้าจะยินดีรับผมไหมครับ”
ด้าน นางนฤมลกล่าวว่า พวกเราเป็นกลุ่มการเมืองที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มต้น มีอุดมการณ์เดียวกัน ทางพรรคได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราก็จะเดินหน้าทำงานเพื่อสนองนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ให้พี่น้องเกษตรกร ทุกจังหวัด ทุกเขตไม่ใช่เฉพาะแค่เขตที่เรามี ส.ส.
เมื่อถามว่า ตกลงว่า ส.ส.ย้ายเข้าพรรคกล้าธรรมกี่คน ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ตัวเลขคร่าวๆ ที่คุยกันไว้มากกว่า 30 คน ถ้ารวม 24 คนที่ยืนอยู่บนเวที แต่ขอเก็บความลับก่อน เมื่อถามย้ำว่า จากฝ่ายรัฐบาลหรือว่าพรรคฝ่ายค้าน ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เอาเป็นว่าเป็น ส.ส. ณ เวลานี้
เมื่อถามว่า มีจำนวน ส.ส.เท่านี้ ถือว่ามีอำนาจต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เรื่องการต่อรอง ตนว่าไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สาระสำคัญคือเราจะทำให้รัฐบาล ซึ่ง ณ เวลานี้มีพรรคร่วมรัฐบาลที่จะทำหน้าที่แต่ละกระทรวงเพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนอย่างไร เพื่อให้ประชาชนหลุดพ้นจากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งพวกเราทั้ง 24 คน หลายคนเป็น ส.ส. เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ เราก็นำเสนอผ่านสภา บางเรื่องเราก็ประสานไปยังกระทรวงต่างๆ ได้
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองใหม่ มีอะไรที่แตกต่างไปจากพรรคการเมืองเดิมๆ บ้าง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า อยากฝากว่าพรรคกล้าธรรมไม่ใช่เพิ่งเกิด เรามาจากพรรคเศรษฐกิจไทยและสมาชิกของพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นคนเก่าๆ หลายคนเป็น ส.ส.สมัยที่ 2 แล้ว และเราจะไม่ทำอะไรแบบเก่าๆ ภายใต้การนำของนางนฤมล ซึ่งตนจะเป็นที่ปรึกษาให้นางนฤมล รวมทั้งจะมีการปรับโครงสร้างใหม่หมด เราจะนำพาในสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนฐานรากที่เป็นส่วนสำคัญ
เมื่อถามว่า การออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ มีดีลอะไรกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงได้ยอมขับออกจากพรรค ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า คำถามนี้ตนเชื่อว่ามีพี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนให้ความสนใจ ตั้งแต่ออกมาแถลงข่าวที่กระทรวงเกษตรฯและจนถึงวันนี้ ตนก็ยังไม่ได้คุยกับใครเลย รับรองว่าไม่ได้มีการดีลอะไรทั้งนั้น
เมื่อถามย้ำว่า ต้องใช้คำว่าจบกันด้วยดีหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “ผมยืนยันตลอดเวลา ถ้าสื่อมวลชนจำคำพูดของผมได้ ว่าผมจะออกมาโดยสันติ โดยไม่ทะเลาะกับใคร และจะทำงานที่สร้างสรรค์มากกว่าทำลายซึ่งกันและกัน เราจะทำการเมืองแบบใหม่ ไม่ทำการเมืองแบบเก่าๆ”
เมื่อถามว่า หลายคนเชื่อมโยงไปถึงคดีที่อยู่ใน ส.ป.ก.ว่าอาจจะเกี่ยวกับดีลนี้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่เกี่ยว และขอเรียนว่าถ้าจำประเด็นนี้ได้ สมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เดือนเมษายน-พฤษภาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้เปิดประเด็นก่อน เราในฐานะที่ดูแล ส.ป.ก. จำเป็นต้องตรวจสอบ ตนรู้ข้อมูลการตรวจสอบว่า การเข้าครอบครองที่ดินของกลุ่มทุนไม่ถูกต้องจำเป็นต้องยึดคืนมา เพื่อเอาไปจัดสรรให้พี่น้องเกษตรกร นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญและขั้นตอนการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ไม่ใช่หน้าที่กระทรวงเกษตรฯ แต่เป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งในช่วงที่ตนเป็น รมว.เกษตรฯ ก็พอทราบคร่าวๆ ในเรื่องเส้นทางการเงิน แต่ไม่ใช่เป็นหน้าที่เรา เพราะกรรมการที่ลงไปตรวจสอบเป็นคณะกรรมการร่วม ซึ่งประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ, เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอัยการสูงสุด, ป.ป.ท., ป.ป.ช., ปปง. ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ผสมผสานกันหลายหน่วยงาน ดังนั้นการทำงานไปบังคับให้ใครทำได้
เมื่อถามว่า หากมีการปรับ ครม. ร.อ.ธรรมนัสจะมีโอกาสเอาตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯกลับมาหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ตนว่าตนเลยจุดนั้นมาแล้ว และไม่เกิดความอยากที่จะเป็นอะไร ณ เวลานี้เราส่งตัวแทนเป็นรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นนางนฤมล นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ต่างก็ทำงานในกระทรวงเกษตรฯ ตอบโจทย์ และเมื่อวาน (18 ธ.ค.) เราเพิ่งลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อไปดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วม
“ที่ถามว่า อยากเป็นนู่นเป็นนี่หรือไม่ ถ้าได้เป็นก็เป็น ถ้าไม่ได้เป็นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ฉะนั้น พวกเราทั้ง 24 ชีวิตของการเป็น ส.ส. เราจะทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติให้ดีที่สุด” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
เมื่อถามว่า เป็นห่วง พล.อ.ประวิตรหรือไม่ว่าจะอยู่อย่างไร ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เป็นห่วงสื่อมวลชนมากกว่า
เมื่อถามว่ามี ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐติดต่อมาบ้างหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า 24 ชีวิต กับ 20 ชีวิต เราเป็นพี่น้องกัน เราไม่นำเอาความแตกแยกเข้ามาสู่การเมืองเด็ดขาด เมื่อสักครู่ก็เจอ เรายังคุยกันเป็นเรื่องปกติ ส่วนคนที่มาร่วมนั้น เมื่อเวลาสุกงอมก็คงจะเปิดตัว
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ได้รับรางวัลรัฐมนตรีที่ทรงอิทธิพล ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ตนเพิ่งเห็นนางนฤมลส่งมาให้ เราเป็นนักการเมือง เป้าหมายสำคัญคือเราให้ใจคนไทยทำหน้าที่ในฐานะนักการเมืองให้ดีที่สุด ต้องขอบคุณที่ร่วมกันโหวตตน ตนก็จะทำให้ดีที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นนักการเมืองคือปากกับใจต้องตรงกัน 20 ชีวิตที่ออกมากับตน เราเป็นคนที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน เราไม่ใช่เพิ่งรู้จักกัน เราคุยกันมาโดยตลอด
เมื่อถามว่า มีการมองว่า พรรคกล้าธรรมเป็นอะไหล่ของพรรคเพื่อไทย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ณ เวลานี้เราคือพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน หากพรรคใหญ่พรรคแกนนำ มีนโยบายอย่างไรที่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเราเห็นด้วย
“ไม่ได้คัดค้าน ไม่ใช่มีอะไรก็คัดค้านตลอด ไม่เอา ผมไม่ชอบหลอกคนอื่น พรรคร่วมรัฐบาลควรจะมีการคุยกันก่อน ทุกครั้งที่มีวาระสำคัญที่เข้า ครม.หรือสภา พรรคไหนไม่เห็นด้วยบ่อยๆ ก็ควรจะแยกออกไป เราเห็นความเจริญของบ้านเมืองเป็นหลัก เราไม่คัดค้าน และเอาไปแอบอ้างอะไรเด็ดขาด เรามีหัวหน้าพรรคเป็นสุภาพสตรี พร้อมคุยกับทุกฝ่าย” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ร.อ.ธรรมนัสย้ำว่า เรื่องการบริหารพรรค ตนได้มอบหมายให้นางนฤมลเป็นผู้ดูแล ส่วนจะตั้งตนเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคหรือไม่ ต้องถามหัวหน้าพรรค ทำให้นางนฤมลกล่าวเสริมว่า “กำลังทาบทาม” ร.อ.ธรรมนัสกล่าวต่อว่า “อาจจะเล่นตัวหน่อย”
เมื่อถามถึงการสู้ศึกเลือกตั้งในสมัยหน้า ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ในเวทีเลือกตั้งต้องสู้ให้เต็มที่เพื่อให้ลูกพรรคชนะ โดยมีพื้นที่ที่เล็งว่าจะได้ ส.ส.เพิ่ม เช่น สุราษฎร์ธานี กำแพงเพชร ราชบุรี
เมื่อถามย้ำว่า จะฮุบพื้นที่ของ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐมาทั้งหมดหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “ไม่พูดแบบนั้น แต่คนที่ได้คะแนน 20,000 คะแนนขึ้นไปตอนนี้อยู่กับเรา”
เมื่อถามว่า กลัวการเอาคืนของ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “เราเป็นนักการเมือง ต้องทำงานสร้างสรรค์ สไตล์ผมไม่ทำใครก่อน ใครทำผม ผมเอาคืน”
เมื่อถามว่าจะทำงานกับ พล.อ.ประวิตรได้อยู่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “อย่าพูดเรื่องอนาคต ปัจจุบันทำ 24 ชีวิตให้ดี”