“โอ๊ค” โวย ถูกปฏิบัติแบบ 2 มาตรฐาน กรณีดีเอสไอเรียกสอบปมกู้แบงค์กรุงไทย ชี้ ถูกเรียกไปเป็น “พยาน” แต่กลับต้องตกเป็นจำเลยสังคม
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชอนวัตร อดีตนายกฯ โพสข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ความว่า ข้อเท็จจริงที่ตนได้พบ จากการที่ถูกดีเอสไอเรียกสอบ กรณีเงินกู้แบงค์กรุงไทย คือระบบสองมาตรฐานยังคงมีอยู่ ในกระบวนการยุติธรรมไทย โดยไม่เปลี่ยนแปลง โดยหนังสือที่ดีเอสไอส่งเรียกตนไปสอบถามทุกฉบับนั้น ส่งเรียกไปให้ข้อมูลในฐานะพยาน เช่นเดียวกับคนอีก 2-300 คน ที่มีกระแสการเงิน เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็ถูกดีเอสไอเรียกไปด้วยเหตุผลเดียวกัน ทั้งหมดนี้ในฐานะ “พยาน” ทั้งสิ้น
“2-300 คน ที่ถูกเรียกไปนั้น ได้ยินว่ามีทั้ง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ แทบจะครบทุกเหล่า นายตำรวจ มูลนิธิฯ สถาบันการเงินและบุคคลทั่วไป ซึ่งในการส่งหนังสือ เรียกตัวบุคคลเหล่านั้นไปสอบ ทางดีเอาไอมีการกระทำอย่างเงียบเชียบ ด้วยความระมัดระวัง ไม่ต้องการให้พยานต้องเสียหาย หรือตกเป็นจำเลยของสังคม ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีคำพิพากษา หรือวินิจฉัยใดๆทั้งสิ้น แต่สำหรับตนนั้นตรงกันข้าม ถ้าแห่กลองยาวมาได้ คงถือหนังสือพร้อมส่งเสียงโห่นำขบวนมาแล้ว ฝ่ายที่อคติกับตนใช้ช่องทางผ่านสื่อ บางคนที่ซ่อนตัวอยู่บางสำนักใช้เป็นเกมทางการเมืองไม่คำนึงถึงความถูกผิดขอให้ใส่ร้ายไว้ก่อน ชี้นำตลอดยิ่งกว่าผู้กระทำความผิด เล่นเอาฝ่ายกฎหมายและทนายของตนเกิดสงสัยขึ้นมา จึงได้ทำหนังสือให้ลงนามไปสอบถามว่า ตกลงที่เรียกไปนี่ให้ไปในฐานะอะไร เพราะคิดว่าถ้าจะให้เป็นพยานแล้วมาแกล้งออกข่าวให้เสียหายกันแบบนี้มันไม่แฟร์ ก็ได้รับคำตอบอย่างที่เห็นกันนี้คือ เป็นการเรียกไปให้ถ้อยคำ ในฐานะพยาน
ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ดีๆนั้น ยังมีอยู่มาก ซึ่งต้องขอให้กำลังใจครับ ดีเอสไอ คือหน่วยงานต้นน้ำ ของกระบวนการยุติธรรม ถ้าเริ่มต้นกระบวนการให้ดี ทำงานแบบมืออาชีพไม่มีอคติ หรือเพียงแต่จะคิดเอาใจนาย ใครผิดใครถูกว่ากันไปตามกฎหมาย 2 มาตรฐานก็จะเกิดขึ้นได้ยาก บ้านเมืองก็จะกลับสู่ความสงบได้เร็ว ผมจะรอดู พยานที่ชื่อพานทองแท้ กับพยานคนอื่นๆอีก 2-300 ปาก ที่เรียกสอบไปแล้ว ดีเอสไอ ในฐานะหน่วยงานของรัฐ จะให้ความเป็นธรรมเสมอภาค และกระทำในมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ เดี๋ยวคงได้รู้กัน” นายพานทองแท้ ระบุ