จัดหนัก! “วิษณุ”สั่งใช้ภาษีหุ้นชินฯเป็นบรรทัดฐาน ไล่บี้ 60 นักการเมืองยุคมาร์ค-ปู(คลิป)

“วิษณุ” สั่ง ใช้ภาษีหุ้นหุ้นชินฯ เป็นบรรทัดฐาน ไล่บี้ 60 นักการเมืองใน ยุคมาร์ค-ปู ย้ำ บอก เห็นใจ โอ๊ค “อกเขาอกเรา”

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)แจ้งกรมสรรพากรให้เรียกเก็บภาษีจากนักการเมือง 60 คนในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เสียภาษีไม่ถูกต้อง ว่า สตง.ไม่ได้รายงานเรื่องดังกล่าวมาที่ตน แต่ระบุว่าในกรณีลักษณะเดียวกันกับการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปของนายทักษิณ ชินวัตร ก็จะดำเนินการให้เหมือนกัน ทั้งนี้ ไม่ทราบว่านักการเมืองเหล่านี้เสียภาษีไม่ถูกต้องอย่างไร โดยรัฐบาลจะใช้กรณีของหุ้นชินคอร์ปเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาคดีอื่นๆ โดยให้ศาลเป็นผู้ตัดสินว่าถูกหรือผิด

เมื่อถามว่าในคดีภาษีหุ้นชินคอร์ป กับ 60 นักการเมือง ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) สามารถเข้ามาตรวจสอบได้อย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น วันนี้อยู่ในขั้นตอนที่ สตง.จะส่งเรื่องให้กรมสรรพากรดำเนินการเกี่ยวกับนักการเมืองอีกหลายราย ซึ่งนอกจากสตง.แล้วยังมีขบวนการอื่นที่สามาถทำควบคู่ไปได้แต่ยังไม่ขอเปิดเผย

Advertisement

“สตง.บอกว่ายังมีกรณีอื่นที่นอกเหนือจากภาษีหุ้นชินคอร์ป แต่ไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และยังไม่เห็นรายชื่อของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น และผมเองก็คงไม่ถามไปที่สตง.เพราะไม่ถือว่าเป็นปัญหา และไม่อยากรู้ด้วย เพราะทำไปทำมาผมอาจจะมีชื่ออยู่ในนั้นด้วยก็ได้” นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวว่า ที่กรมสรรพากรไม่เรียกเก็บภาษีจากนักการเมือง เพราะที่ผ่านมามีความเข้าใจในอีกแบบหนึ่ง เนื่องจากบ่อยครั้งที่กรมสรรพากรประเมินว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่ต้องเสียภาษี แต่พอเวลาผ่านไประยะหนึ่ง อธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่กลับประเมินว่าในเรื่องเดียวกันนั้นจะต้องเสียภาษี เรื่องนี้กฎหมายฉบับเดิมแต่อยู่ที่การตีความต่างกัน

นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องภาษีหุ้นชินคอร์ปนี้ มีการตั้งข้อสังเกตหลายประการ ซึ่งถ้ารัฐบาลเพิกเฉยละเลยจนขาดอายุความก็จะถูกกล่าวหา ว่าช่วยเหลือกัน ผิด ม.157 แต่พอเริ่มดำเนินการก็จะถูกมองว่าเป็นการไล่บี้ จี้ คนๆเดียว ถูกต่อว่า ว่าได้ไปตั้ง 46,000 ล้านบาทแล้วยังไม่พอ ยังจะเอาอีก ดังนั้นถูกมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ขัดหลักนิติธรรม ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงไม่หลวมตัวไปออกม.44 แต่ให้ดำเนินการไปตามกฎหมายปกติ เรื่องภาษีหุ้นชินคอร์ป ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้แนวทางว่าให้ดูเจตนาของการซื้อขายหุ้นว่าสุจริตหรือไม่ ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าสุจริต ทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องทำอะไรต่อ หากไม่สุจริตก็ต้องดำเนินการ

Advertisement

“ถ้าไปดูคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่สุจริต ศาลจึงสั่งยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาทนั้น เมื่อตั้งต้นว่าไม่สุจริตแล้วก็ต้องเสียภาษี ผมถามที่ประชุมว่าถ้าสังคมเขาถามว่าได้ไป 46,000 ล้านยังไม่พออีกหรือ จะตอบสังคมว่าอย่างไร คำตอบอย่างเอกฉันท์ คือเป็นคนละเรื่องคนละส่วนกัน เพราะการกระทำผิดกับการเสียภาษีถือเป็นคนละส่วน เช่น โจรขโมยของถูกตัดสินลงโทษจำคุก 10 ปี กับการไล่บี้ให้คืนทรัพย์ก็เป็นคนละส่วนกัน ซึ่งถ้าไม่ดำเนินการก็ถือว่าละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ รัฐบาลพบว่าวิธีในการดำเนินการ แต่จะทำได้หรือไม่ก็อยู่ที่ศาลตัดสิน ผมถามที่ประชุมว่าเป็นไปได้หรือที่เราจะไม่รู้ว่าคดีนี้จะจบอย่างไร คำตอบคือไม่เคยมีบรรทัดฐานในเรื่องนี้เลย ซึ่งเมื่อหาบรรทัดฐานไม่ได้ก็ต้องเอาคดีนี้เป็นบรรทัดฐาน”

นายวิษณุ กล่าวว่า หากศาลมีคำสั่งให้ต้องจ่ายภาษีกรณีหุ้นชินคอร์ปนี้จะต้องเก็บภาษีที่เจ้าของทรัพย์สิน ยกเว้นแต่จะมีการพิสูจน์ทราบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทจำหน่ายจ่ายโอน ซึ่งสามารถนำกลับมาได้ และหากทรัพย์สินของนายทักษิณอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ การจะได้คืนก็คงเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตามเมื่อมีการออกแบบประเมินนายทักษิณสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วันจนเมื่อมีการตัดสินแล้วหากนายทักษิณยังไม่พอใจก็สามารถอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้อีก

เมื่อถามว่าภาษีที่เรียกเก็บนั้นจะมาจากส่วนไหน นายวิษณุ กล่าวว่า จาก 46,000 ล้านบาทที่มีการยึดไปแล้ว ซึ่งถือเป็นภาษีที่เกิดจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จึงเป็นคำถามว่าเมื่อมีการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะต้องเสียภาษีหรือไม่ ในเมื่อข้อ2 (23) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 26 ระบุว่า ไม่ต้องเสียภาษี แต่ก็มีอีกช่องทางที่จะเรียกเก็บภาษีได้ นอกจากนี้ ได้ให้สรรพากรไปพิจารณา ว่าเผื่อจะสามารถเรียกเก็บภาษีได้ทั้ง 2 ช่วงคือ ตอนที่แอมเพิล ริชขายหุ้นให้กับนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร หุ้นละ 1 บาท กับช่วงที่ 2 คือ ตอนที่นายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทาขายหุ้นให้กับเทมาเส็ก

เมื่อถามว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ตัดพ้อว่าจะเอาอะไรจากครอบครัวตนอีก นายวิษณุ กล่าวว่า “น่าเห็นใจ อกเขาอกเรา” เมื่อถามว่านายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมายนายทักษิณ ระบุว่า ในกรณีนี้ไม่ต้องเสียภาษีเพราะเป็นการซื้อขายหุ้นในตลาดฯและคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ระบุว่าหุ้นยังเป็นของนายทักษิณ นายวิษณุ กล่าวว่า จะพูดออกมาทำไมให้กรมสรรพากรเขารู้ ทำไมไม่เก็บเงียบๆแล้วเขียนส่งศาล

เมื่อถามว่าการตรวจสอบภาษีของ 60 นักการเมืองจะส่งผลต่อแนวทางปรองดองหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่สามารถนำมาเป็นเครื่องมือต่อรองกันได้ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการสร้างความปรองดอง การปรองดองจะยืนอยู่บนหลักที่ไม่มีการอภัยโทษและนิรโทษกรรม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image