อังคณา ชี้สัญญาณอันตราย ลิม กิมยา ถูกยิงอุกอาจกลางเมือง แนะอิ๊งค์ ต้องสืบให้ถึงตัวผู้บงการ
จากกรณี นายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชา และนักเคลื่อนไหว ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตระหว่างเดินทางมาประเทศไทย กับภรรยาชาวฝรั่งเศส ที่บริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.ชนะสงคราม ต่อมาศาลอาญาอนุมัติหมายจับมือปืน พ.จ.อ.เอกลักษณ์ อดีตนาวิกโยธิน สังกัดกองทัพเรือนั้น
ล่าสุด (8 ม.ค.) อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีต้องไม่เพิกเฉยกรณีนักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาถูกยิงตายกลางกรุงเทพมหานคร
กรณีการลอบสังหารนายลิม กิมยา บริเวณใจกลางกรุงเทพมหานครบริเวณมีผู้คนพลุกพล่านถือเป็นการกระทำที่อุกอาจมากเกินกว่าจะยอมรับได้ อีกทั้งเป็นสัญญานว่า กรุงเทพไม่มีความปลอดภัยอีกต่อไป โดยเฉพาะกับผู้เห็นต่างทางการเมือง รวมถึงผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิง ตามรายงานคณะผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติที่ผ่านมามีผู้ลี้ภัยทางการเมืองหลายคนที่ถูกลักพาตัวหรือถูกบังคับให้สูญหายในประเทศไทย รวมถึงนายอ๊อด ไชยวงศ์ นักรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยชาวลาวที่ถูกอุ้มหายที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2562 จนถึงปัจจุบันไม่มีใครทราบที่อยู่และชะตากรรมของเขา
เรื่องนี้ คุณแพทองธารในฐานะนายกรัฐมนตรีมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับรัฐบาลกัมพูชาจะต้องไม่เพิกเฉยให้ผู้เห็นต่างทางการเมืองในประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาในประเทศไทยถูกฆ่า หรือถูกบังคับให้สูญหาย โดยผู้กระทำผิดยังคงลอยนวล รัฐบาลคุณแพทองธาร ต้องสืบค้นให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนายลิม กิมยา และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว
ลิม คิมยา เป็นสมาชิกพรรคกู้ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party -CNRP) ซึ่งเป็นที่รู้จักถึงความมุ่งมั่นในการตรวจสอบรัฐบาลแม้จะเผชิญกับการถูกกดดันทางการเมือง ทั้งนี้พรรค CNRP ถูกศาลตัดสินยุบพรรคเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2017 ทำให้ นายลิม กิมยา รวมถึงสมาชิกพรรค CNRP และเจ้าหน้าที่พรรคกว่าร้อยคน ของพรรคถูกสั่งห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ในฐานะหนึ่งในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียงยี่สิบคนที่ยังคงปักหลักอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของ CNRP ในกรุงพนมเปญ เขายังคงดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง แม้สมาชิกคนอื่นๆ จะถอนตัวจากชีวิตสาธารณะเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม เขามีบทบาทสำคัญในการประท้วงหลายครั้ง รวมถึงการชุมนุมประท้วงด้านนอกเรือนจำกรณีที่นายเข็ม โสภา ผู้นำ CNRP ถูกคุมขังในข้อหากบฏ มีรายงานว่าก่อนหน้าคำสั่งยุบพรรค CNRP สมเด็จฯฮุน เซน เคยบอกให้สมาชิกพรรค CNRP ไปอยู่ด้วยกัน โดยสมเด็จฯฮุน เซน บอกกับฝูงชนในกรุงพนมเปญ ว่า “เราจะให้บันไดแก่คุณ ถ้าคุณไม่ปีนมัน คุณก็จะต้องไปลงนรก” โดยมีสมาชิกพรรค CNRP เพียงคนเดียวในพรรคที่รับข้อเสนอดังกล่าว (https://www.matichon.co.th/foreign/news_4988836) แม้จะเผชิญกับการข่มขู่และคุกคามโดยตรง เขาก็ยังยืนหยัดด้วยความกล้าหาญ โดยกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ผมจะไม่มีวันเลิกเล่นการเมือง” ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเขาในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในกัมพูชา และแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความอดทนในการเผชิญกับการถูกกดขี่ทางการเมือง
