โฆษกวิปวุฒิฯ ยัน 2 พรรคใหญ่ ชงตัดอำนาจส.ว. ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญชัด

“ส.ว.พิสิษฐ์” แจง จัดเวทีชําแหละร่างแก้ 256 เป็นแค่ Morning Talk เฉพาะกลุ่ม ส.ว. ลั่น เสียง 1 ใน 3 ไม่เยอะ แนะ พท.-ปชน. ไปกล่อมวุฒิสภาเอง ชี้ หากตัดอํานาจสภาสูง ขัดเจตนารมณ์ รธน.

เมื่อวันที่ 11 มกราคม นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เคยระบุว่าจะจัดเวทีเสวนาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญให้กับ ส.ว. ว่าเป็นเพียงรายการ Morning Talk ซึ่งจะมีเฉพาะ ส.ว.เท่านั้น ขณะนี้ยังไม่กําหนดวันและตัววิทยากร แต่จะจัดก่อนการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ แน่นอน

เมื่อถามถึงแนวโน้มของ ส.ว. จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 นายพิสิษฐ์กล่าวว่า มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ตนพูดคุยกับ ส.ว.ที่เป็นเพื่อนกัน ก็มีที่ไม่เห็นด้วย

เมื่อถามว่า คิดว่าร่างแก้ไขมาตรา 256 จะผ่านหรือไม่ เพราะต้องใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 นายพิสิษฐ์กล่าวว่า ตนมองว่าเสียง 1 ใน 3 ไม่เยอะ เพราะต้องการแค่ 67 เสียง ซึ่งน้อยกว่าการลงมติของวุฒิสภาโดยปกติ ดังนั้น อยากให้ผู้นําเสนอทั้งพรรคประชาชน (ปชน.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) ไปโน้มน้าว ส.ว.ให้เห็นด้วยมากกว่า

เมื่อถามว่า หากจะแก้รัฐธรรมนูญ ควรเหลืออํานาจของ ส.ว.ไว้อย่างไร เพราะร่างที่เสนอขณะนี้ เป็นการตัดอํานาจของ ส.ว. นายพิสิษฐ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราแบ่งเป็นสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ซึ่งถ่วงดุลอํานาจกันและกัน ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กําหนดไว้ว่าหากจะแก้ไข ต้องใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 แสดงให้เห็นว่า รัฐธรรมนูญ 60 ต้องการให้ทั้ง 2 สภา มีการถ่วงอํานาจกัน หากรวมเสียง ส.ส.และ ส.ว. ยังไง ส.ว.ก็โหวตไม่ชนะ ก็จะไม่เกิดการถ่วงดุล ขัดต่อมติมหาชน

ADVERTISMENT

นายพิสิษฐ์กล่าวอีกว่า ตนยังยึดมั่นในคําวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 เพราะอ่านโดยละเอียดแล้ว และเชื่อว่าในการสัมมนาของ ส.ว. คงจะมีการถกเรื่องดังกล่าว