สถานีคิดเลขที่ 12 : เวรและกรรม

 

นอกจากจะเวลคัม หรือต้อนรับ การกลับเข้ามาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ รอบที่ 2 ของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ แล้ว

ไทยเรา คงต้องตระหนักถึง “เวรกรรม” ที่จะ “ตาม” มาด้วย

เพราะ ดูเหมือนไทยและสหรัฐ มีทิศทาง“สวนทาง” ในหลายเรื่อง

ADVERTISMENT

สวนทางจนกลายเป็นเวรเป็นกรรม ที่ต้องเผชิญและหาวิธีรับมือให้ดี

ที่ห่วงกันมาก ก็คงเป็นเรื่องเศรษฐกิจ

ADVERTISMENT

ที่ประเมินกันว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศต้นๆ ของโลกมีความเสี่ยงจะเจอมาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐ เพราะไทยได้ดุลการค้าจากสหรัฐในระดับสูง

มีการเสนอจากหลายฝ่ายให้รัฐบาลไทยเร่งตั้ง “วอร์รูม” รับมือ เพราะมีผลกระทบรุนแรง

ซึ่งก็ต้องรอดูว่ารัฐบาลจะมีท่าทีอย่างไร

ที่น่าห่วงอีกเรื่อง คงเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่ตอนนี้ไทยกำลังสำลักฝุ่นพิษกันทั้งประเทศ

แต่นายทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารให้สหรัฐ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส ที่ 195 ประเทศ มีเป้าหมายร่วมกันที่จะจำกัดภาวะโลกร้อน

ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ที่ทำให้ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้น

นอกจากถอนตัวจากข้อตกลงปารีส ดังกล่าวแล้ว นายทรัมป์ยังประกาศลดข้อจำกัดด้านกฎระเบียบต่ออุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลลง และสนับสนุนการใช้พลังงานแบบดั้งเดิมต่อไป

ทำให้ไทยที่เน้นการใช้พลังงานสะอาด ลดปัญหาโลกร้อน มาอย่างเต็มที่

คงต้องจับทิศทางจับกระแสเรื่องสิ่งแวดล้อม ว่าจะผันผวนมากน้อยเพียงใด

โดยเฉพาะเมื่อมหาอำนาจโลกออกมาเล่นบทขวางคลองแบบนี้

เช่นเดียวกับการที่นายทรัมป์ประกาศถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางคนละขั้วกับไทยเลยทีเดียว

เพราะนโยบายสาธารณสุขของไทย ยึดแนวทางขององค์การอนามัยโลก เป็นหลัก

การที่สหรัฐด้อยค่าองค์การอนามัยโลกลง

ไทยและอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก คงต้องติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตาม คือเรื่องผู้อพยพและแรงงานที่นายทรัมป์สั่งควบคุม จัดการอย่างเด็ดขาด ในหลายประเด็น

เพราะเรื่องนี้ต่อเนื่องไปถึงแนวคิดเรื่องชาตินิยม เอียงขวา ที่อาจแผ่อิทธิพลทางความคิดเข้ามาสู่ไทยได้โดยง่าย

ด้วยตอนนี้ไทยมีปัญหาแรงงานต่างด้าวฝังลึกอยู่ในสังคมมหึมา

จึงอาจนำไปสู่การเลียนแบบ และโหมกระพือกระแสแอนตี้ “ต่างด้าว” ขึ้นในสังคมไทย

โดยเรื่องนี้มีความพยายามโยงให้เป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง กับพรรคบางพรรคในห้วงที่ผ่านมา

และยิ่งหากมีการเลือกตั้ง กระแสเอาเยี่ยงอย่างนายทรัมป์ ยกเรื่องชาตินิยมเพื่อถล่มคู่แข่งอาจเกิดขึ้น

ซึ่งเมื่อกล่าวถึงเรื่องชาตินิยมแล้ว คงต้องกล่าวถึงแนวคิดอนุรักษนิยมคู่ขนานไปด้วย

โดยนายทรัมป์ สวนทางกับไทยอีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องสิทธิในเพศ

ขณะที่ไทยกำลังเฉลิมฉลอง กฎหมายสมรสเท่าเทียม

แต่นายทรัมป์กลับออกคำสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางกลับไปแยกเพศตามเพศกำเนิด (ชายและหญิง) และห้ามการส่งเสริม “อุดมการณ์เรื่องเพศ” (gender ideology)

ซึ่งคงนำไปสู่ “การเห็นต่าง” อย่างหนักในสังคมต่างๆ

รวมถึงการที่นายทรัมป์ ประกาศนิรโทษกรรมให้ “ฝ่ายขวาจัด” ในเหตุการณ์โจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐ มากกว่า 1,580 คน

ขณะที่เรื่อง “นิรโทษกรรม” เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับการเมืองไทย ที่ไม่ควรแตะต้อง โดยเฉพาะถ้านิรโทษกรรมให้ฝ่ายตรงข้าม

เช่นเดียวกับไม่ควรแตะต้องเรื่อง “จริยธรรม”

ซึ่งสวนทางกับนายทรัมป์ ที่ยกเลิกคำสั่งที่บังคับใช้จริยธรรมกับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่ายบริหาร

ขณะที่ไทยเคร่งครัดกันเป็นพิเศษ

เป็นเวร เป็นกรรม ที่รัดรึง “ติดดี” จนหลายๆ เรื่อง ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image