ผู้เขียน | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร |
---|
นอกจากจะเวลคัม หรือต้อนรับ การกลับเข้ามาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ รอบที่ 2 ของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ แล้ว
ไทยเรา คงต้องตระหนักถึง “เวรกรรม” ที่จะ “ตาม” มาด้วย
เพราะ ดูเหมือนไทยและสหรัฐ มีทิศทาง“สวนทาง” ในหลายเรื่อง
สวนทางจนกลายเป็นเวรเป็นกรรม ที่ต้องเผชิญและหาวิธีรับมือให้ดี
ที่ห่วงกันมาก ก็คงเป็นเรื่องเศรษฐกิจ
ที่ประเมินกันว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศต้นๆ ของโลกมีความเสี่ยงจะเจอมาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐ เพราะไทยได้ดุลการค้าจากสหรัฐในระดับสูง
มีการเสนอจากหลายฝ่ายให้รัฐบาลไทยเร่งตั้ง “วอร์รูม” รับมือ เพราะมีผลกระทบรุนแรง
ซึ่งก็ต้องรอดูว่ารัฐบาลจะมีท่าทีอย่างไร
ที่น่าห่วงอีกเรื่อง คงเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่ตอนนี้ไทยกำลังสำลักฝุ่นพิษกันทั้งประเทศ
แต่นายทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารให้สหรัฐ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส ที่ 195 ประเทศ มีเป้าหมายร่วมกันที่จะจำกัดภาวะโลกร้อน
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ที่ทำให้ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้น
นอกจากถอนตัวจากข้อตกลงปารีส ดังกล่าวแล้ว นายทรัมป์ยังประกาศลดข้อจำกัดด้านกฎระเบียบต่ออุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลลง และสนับสนุนการใช้พลังงานแบบดั้งเดิมต่อไป
ทำให้ไทยที่เน้นการใช้พลังงานสะอาด ลดปัญหาโลกร้อน มาอย่างเต็มที่
คงต้องจับทิศทางจับกระแสเรื่องสิ่งแวดล้อม ว่าจะผันผวนมากน้อยเพียงใด
โดยเฉพาะเมื่อมหาอำนาจโลกออกมาเล่นบทขวางคลองแบบนี้
เช่นเดียวกับการที่นายทรัมป์ประกาศถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางคนละขั้วกับไทยเลยทีเดียว
เพราะนโยบายสาธารณสุขของไทย ยึดแนวทางขององค์การอนามัยโลก เป็นหลัก
การที่สหรัฐด้อยค่าองค์การอนามัยโลกลง
ไทยและอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก คงต้องติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตาม คือเรื่องผู้อพยพและแรงงานที่นายทรัมป์สั่งควบคุม จัดการอย่างเด็ดขาด ในหลายประเด็น
เพราะเรื่องนี้ต่อเนื่องไปถึงแนวคิดเรื่องชาตินิยม เอียงขวา ที่อาจแผ่อิทธิพลทางความคิดเข้ามาสู่ไทยได้โดยง่าย
ด้วยตอนนี้ไทยมีปัญหาแรงงานต่างด้าวฝังลึกอยู่ในสังคมมหึมา
จึงอาจนำไปสู่การเลียนแบบ และโหมกระพือกระแสแอนตี้ “ต่างด้าว” ขึ้นในสังคมไทย
โดยเรื่องนี้มีความพยายามโยงให้เป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง กับพรรคบางพรรคในห้วงที่ผ่านมา
และยิ่งหากมีการเลือกตั้ง กระแสเอาเยี่ยงอย่างนายทรัมป์ ยกเรื่องชาตินิยมเพื่อถล่มคู่แข่งอาจเกิดขึ้น
ซึ่งเมื่อกล่าวถึงเรื่องชาตินิยมแล้ว คงต้องกล่าวถึงแนวคิดอนุรักษนิยมคู่ขนานไปด้วย
โดยนายทรัมป์ สวนทางกับไทยอีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องสิทธิในเพศ
ขณะที่ไทยกำลังเฉลิมฉลอง กฎหมายสมรสเท่าเทียม
แต่นายทรัมป์กลับออกคำสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางกลับไปแยกเพศตามเพศกำเนิด (ชายและหญิง) และห้ามการส่งเสริม “อุดมการณ์เรื่องเพศ” (gender ideology)
ซึ่งคงนำไปสู่ “การเห็นต่าง” อย่างหนักในสังคมต่างๆ
รวมถึงการที่นายทรัมป์ ประกาศนิรโทษกรรมให้ “ฝ่ายขวาจัด” ในเหตุการณ์โจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐ มากกว่า 1,580 คน
ขณะที่เรื่อง “นิรโทษกรรม” เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับการเมืองไทย ที่ไม่ควรแตะต้อง โดยเฉพาะถ้านิรโทษกรรมให้ฝ่ายตรงข้าม
เช่นเดียวกับไม่ควรแตะต้องเรื่อง “จริยธรรม”
ซึ่งสวนทางกับนายทรัมป์ ที่ยกเลิกคำสั่งที่บังคับใช้จริยธรรมกับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่ายบริหาร
ขณะที่ไทยเคร่งครัดกันเป็นพิเศษ
เป็นเวร เป็นกรรม ที่รัดรึง “ติดดี” จนหลายๆ เรื่อง ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้
สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร