พวงทอง เปิดข้อมูลอาชญากรรม สงสัยทำไมไทยหยุดขายไฟพม่าไม่ได้ ทั้งที่เป็นภัยความมั่นคง หรือกลัวนายทุนไทยได้รับผลกระทบด้วย?
จากกรณี นพ.อิราวัต อารีกิจ หรือ หมออั้ม อดีตศิลปิน ระบุทาง X กรณีข้อเสนอให้ไทยตัดไฟเมียนมา ยืนยันว่านึกจะตัดไฟเมื่อไหร่ก็ได้ โดย นพ.อิราวัตเผยว่า เราผลิตไฟฟ้า ขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ได้หมายความว่านึกจะตัดไฟเขาเมื่อไหร่ก็ได้
มันมี MOU มีข้อตกลงระหว่างประเทศมากมาย โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน ทรัพยากร ความสัมพันธ์ ที่ไม่ใช่คิดแบบไร้ประสบการณ์ คิดแบบเด็กน้อย
เห็นว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ไฟฟ้า ที่เพื่อนบ้านซื้อเรา แล้วจะให้รัฐบาลไทย สั่งตัดไฟ
หน้าที่ การตัดสินใจตัดไฟหรืออะไร ในประเทศของเขา ก็ต้องโดยรัฐบาลเขา เราขายไฟฟ้าไปแล้ว ไม่ใช่แค่โจรที่ใช้ โรงพยาบาล โรงเรียน เพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ เขาก็ต้องใช้ไฟฟ้า เป็นปัจจัย 4
นี่โคตรจะแบเบาะ เบาปัญญามากๆ
มีปาก ก็สักแต่แอ็คอาร์ต เอาแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักการทูต ไม่รู้จักความ
เหมือนเด็กน้อย พยายามโต แต่โง่ไปหน่อย ปล่อยให้มาเป็นรัฐบาล ประเทศฉิบหายแน่
โชดดีของประเทศไทยแล้ว
กรณีนี้ เมื่อวันที่ 26 มกราคม รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงทรรศนะทางเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมแนบข้อมูลอ้างอิงประกอบ ความว่า ทำไมไทยจะตัดไฟฟ้าที่ส่งไปขายเมียนมาไม่ได้? ในเมื่ออาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ ถูกบรรจุไว้เป็น “ภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ” ของทุกหน่วยงานความมั่นคงของไทยมานานแล้ว
บริษัทคู่สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ.ของไทยคือ บริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Co.Ltd (SMTY) บริษัทนี้มีเจ้าของชื่อ พันตรี ซอ ติน วิน (Saw Tin Win) ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพ Karen Border Guard Force (Karen BGF) เป็นลูกน้องคนสนิทของพันเอก ซอ ชิตตู (Saw Chit Tu) และ BGF เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลทหารนายพลมิน อ่อง ลาย และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลมิน อ่อง ลาย จึงยินยอมให้ กฟภ.ขายไฟฟ้าให้ SMTY
มีหลักฐานมากมายที่ชี้ว่ากลุ่ม Karen BGF คือกองกำลังที่ควบคุมพื้นที่บริเวณชเวก๊กโก และ KK Park ที่กลุ่มทุนจีนสีเทาตั้งอยู่ ค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ สนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บ่อนกาสิโนผิดกฎหมาย กองกำลังพวกนี้อยู่ได้ก็ด้วยรายได้จากธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้
มีกรณีที่ นายวรวัฒน์ วังศพ่าห์ และพวก ถูกทางการไทยจับกุมข้อหาเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดขนาดใหญ่ และนำเงินจากการค้ายาไปฟอกเงินในธุรกิจส่งน้ำมันปิโตรเลียมไปขายให้กลุ่ม Karen BGF มีเอกสารลงนามโดยนายวรวัฒน์ และพันเอกติน วิน แต่ไม่มีการซื้อขายกันจริง คดีนี้ในปลายปี 2565 ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตนายวรวัฒน์ และพวก 5 คน
ฉะนั้น เป็นที่ชัดเจนว่าไฟฟ้าและการค้าอื่นๆ ที่ กฟภ.ขายให้กลุ่ม Karen BGF ถูกใช้เพื่อธุรกิจผิดกฎหมาย ที่ทำให้คนไทยสูญเสียมหาศาล และยังทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงไปทั่วโลก – โปรดรับรู้ด้วยว่า เกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศ ถือเป็นหนึ่งในผลประโยชน์ของชาติ ที่รัฐบาลต้องปกป้อง
แล้วเราจะยกเลิกสัญญาที่ กฟภ.ทำกับ Karen BGF ได้หรือไม่ ในแง่กฎหมาย กระทำได้แน่นอน และทำฝ่ายเดียวได้เลย เพราะ
1.BGF ไม่ใช่หน่วยงานรัฐ ไม่มีสถานะทางกฎหมายในเมียนมา สัญญาซื้อขายไฟฟ้าไม่มีสถานะเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ใช่สนธิสัญญา จะยกเลิกเมื่อไรก็ได้
2.ด้วยข้อมูลที่ยืนยันได้ว่า Karen BGF เกี่ยวข้องกับกลุ่มผิดกฎหมาย และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของไทยในทุกระดับ ไทยมีเหตุผลเพียงพอที่จะยกเลิก ถ้า Karen BGF อยากฟ้อง ก็ให้หาทางดู อยากรู้ว่าจะมีศาลใดในโลกนี้ที่จะรับฟ้องบ้าง
3.ไทยต้องเกรงใจความสัมพันธ์กับรัฐบาลเผด็จการทหารมิน อ่อง ลาย หรือไม่? ก็มีแต่รัฐบาลไทย-ทั้งประยุทธ์ และแพทองธาร-นี่แหละที่ยังเกรงใจ ขณะที่อาเซียนเคยมีมติตั้งแต่ปี 2566 ว่าจะไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงร่วมประชุมเจรจากับระบอบมิน อ่อง ลาย จนกว่าจะหยุดความรุนแรงต่อประชาชน และฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย
ฉะนั้น จึงไม่ใช่ปัญหาว่าไทยไม่มีความชอบธรรมที่จะยุติการขายไฟฟ้าให้ Karen BGF แต่เป็นปัญหาว่าไทยกล้าที่จะตัดหรือไม่ หรือกลัวว่าผลประโยชน์ของทุนขนาดใหญ่ของไทยในเมียนมาจะได้รับผลกระทบไปด้วย ขณะที่ผลกระทบต่อประชาชนตัวเล็กๆ ก็ถือเป็นเรื่องโชคชะตาของใครของมันต่อไป ชื่อเสียงของประเทศก็จับต้องไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องสนใจต่อไป
#แบกจนเสียสติ
ข้อมูลอาชญากรรมโดยกลุ่ม Karen BGF (1) (2) (3)