อดีตแกนนำพิราบขาว หอบคลิปแจกเงิน-คูปอง หาเสียง อบจ.มหาสารคาม ชี้คนเห็นว่อนโซเชียล จี้กกต.เร่งสอบ
เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ยื่นหนังสือต่อ กกต. และเลขาธิการกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคลิปในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง อบจ. พร้อมนำคลิปภาพเหตุการณ์แจกเงินและคูปอง ในวัดแห่งหนึ่ง อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ในวันที่ 14 ม.ค.2568 และคลิปที่ 2 เหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2568 ในวัดแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นคลิปที่มีการเผยแพร่ผ่านทางโซเชียลมีเดีย และผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ได้ยื่นคำร้องต่อกกต.มหาสารคามให้มีการตรวจสอบ โดยเนื้อหาในคลิปมีการแจกเงินจากคูปอง จึงฝากไปยังกกต. กลางว่าจะปล่อยผ่านหรือไม่ หรือปล่อยให้กกต.มหาสารคาม ซึ่งเป็นสถานที่รับเรื่องในเขตเลือกตั้ง แต่ขณะนี้ใกล้ถึงวันเลือกตั้งก็ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ จึงอยากให้กกต.กลางลงพื้นที่ไปตรวจสอบอย่างรวดเร็ว และการรับรองผลจะรับรองไปก่อน หรือตรวจสอบให้สิ้นกระแสความก่อน รับรองผลในภายหลัง
นายนพรุจ กล่าวว่า จากการที่ตนติดตามการหาเสียง พบว่าสองคลิปเหตุการณ์ที่ปรากฏในพื้นที่เข้าข่ายเป็นการให้ หรือนำไปสู่การเลือกตั้งที่ไม่สุจริต จึงขอให้กกต.ตรวจสอบ ซึ่งตนได้มีการอัดคลิปและสังเกตการณ์ โดยในคลิปที่ปรากฏชัดเจนว่ามีการส่งเงิน โดยยังพบคูปองแทนเงินสด และพบว่ามีการส่งธนบัตรใบละร้อย ถ้ามีคนให้และคนรับยืนยันว่าใช่ก็ไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นได้ ส่วนอีกเหตุการณ์ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วยปราศรัยหาเสียงโดยมีผู้หญิงคนหนึ่งขวางขวดน้ำขึ้นไปบนเวทีระหว่างที่นายทักษิณ ปราศรัยบนเวที พบว่าผู้หญิงรายดังกล่างเป็นอดีตคนเสื้อแดงที่เดินทางมาฟังการปราศรัยแต่ไม่ได้รับเงิน เนื่องจากเกินโควตา จึงอยากให้กกต.มีการสอบสวนขยายผลในประเด็นนี้
“มีการให้ส่อว่าจะให้ทุกคน เพราะว่าเกิดความไม่พอใจอย่างที่วันที่วันอดีตนายกทักษิณ เดินทางไป แล้วมีคนไม่ได้เงิน เกินโควตา ตรงนี้เป็นข้อสงสัย ส่วนคนที่ไม่โวยวายก็น่าจะไม่เกินโควตา กกต.กลางควรทำให้สิ้นกระแสความสงสัย ผมที่ร้องในประเด็นนี้หากพบว่ามีการกระทำความผิดของผู้สมัคร หรือทีมงาน หรือกกต.ให้ใบเหลือง ใบแดง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้ร่วมลงลายมือรับรองผู้สมัคร และคณะกรรมการบริหารพรรคทุกคนต้องรับผิดชอบร่วม และขอให้กกต.พิจารณานำไปสู่การยุบพรรคโดยเร็ว แล้วตามคำร้องของผู้มีสิทธิเลือกตั้งยืนยันว่า เป็นการจ่ายเงินให้เงินกับผู้เข้าร่วมฟัง เป็นการขนคนแลกเปลี่ยนด้วยสินน้ำใจ” นายนพรุจ กล่าว
ทั้งนี้นายนพรุจ ยังแนบเอกสารของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไปยื่นคำร้องให้กกต.มหาสารคาม ตรวจสอบ โดยตนไม่ได้เห็นกับตาในพื้นที่แต่ก็ต้องเชื่อตามเอกสารของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาร้อง ประกอบกับคลิปที่ได้รับก็น่าเป็นเรื่องจริง ถึงอยากให้กกต.กลางลงพื้นที่เร่งรัด เนื่องจากคลิปดังกล่าวมีการเผยแพร่เป็นที่ประจักษ์ ส่วนในพื้นที่อื่นๆยังไม่พบการกระทำในลักษณะดังกล่าว
นอกจากนี้ยังขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบการแต่งตั้งผู้ช่วยหาเสียง คือนายทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง แต่นายทักษิณ กระทำความผิดจริยธรรมร้ายแรงจากการต้องคดีทุจริต ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว โดยตามกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นก็ห้ามผู้กระทำความผิดในคดีทุจริต หรือต้องโทษคดีทุจริตเด็ดขาด ลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งการแต่งตั้งผู้ช่วยหาเสียงมีความย้อนแย้งในข้อกฎหมาย จึงขอให้กกต.พิจารณาว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ในการแต่งตั้งผู้ช่วยหาเสียงที่มีคดีทุจริตเด็ดขาดแล้ว รวมถึงหากผู้ช่วยหาเสียงและคณะผู้บริหาร ที่ผู้สมัครนายกอบจ.ประกาศร่วมงานกัน หากกระทำการส่อไปในทางทุจริตจะส่งผลผูกพันถึงผู้สมัครนายกอบจ.ด้วยหรือไม่ ตามกฎหมายพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ได้กำหนดในเรื่องของการให้เงิน หรือแจกเงิน หากพบว่ากระทำผิดจริงจะต้องลงโทษหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค ในฐานะผู้ลงนามส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งอบจ.ในนามของพรรคเพื่อไทย และไม่ห้ามปราม ไม่ยับยั้ง จนที่นำไปสู่เกิดการกระทำที่นำไปสู่ความผิด จึงขอให้กกต.พิจารณายุบพรรค หรือให้ดำเนินการตามกฎหมายพรรคการเมือง