ส.ว.รุมอัดนโยบายรบ. ปราบยาเสพติด เสนอยาแรง จับประหารชีวิต แล้วถ่ายทอดสดด้วย

สว.รุมจวกนโยบายปราบยาฯรบ.ไม่เอาจริง “พล.ต.ท.บุญจันทร์“ แฉเด็ก7-8 ขวบเล่นยา-บุหรี่ไฟฟ้าบุกถึงอนุบาล จี้ ”นายกฯ“ นั่งหัวโต๊ะสั่งการด้วยตัวเอง ด้าน “สว.อะมัด” เสนอใช้ยาแรงประหารชีวิตเหมือนสิงคโปร์ แค่ยาบ้าเม็ดเดียวก็แขวนคอแล้ว ขณะที่ “รองเลขาฯป.ป.ส.” ยอมรับกม.ปราบยาฯยังมีข้อบกพร่อง โอดมีกำลังพันกว่าคน แต่รับผิดชอบชายแดน 5 พันกว่าตร.กม.เผย 30 ม.ค.ปิดล้อมชายแดนปราบยาอย่างจริงจัง

อะมัด อายุเคน – เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ที่มี นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณารายงานผลปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ.2566 โดยมี นายศิริสุข ยืนหาญ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นตัวแทนหน่วยงานชี้แจง

โดย พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสวย ส.ว. อภิปรายว่า ตนตั้งกระทู้ถามรัฐบาลตั้งแต่ก่อนปีใหม่ จนถึงขณะนี้ยังไม่มาตอบเลยว่า รัฐบาลจะทำอะไรบ้าง อย่าให้ป.ป.ส.แบกรับภาระอยู่ฝ่ายเดียว ถึงเวลาที่ต้องเป็นวาระแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีต้องมานั่งหัวโต๊ะเรียกทุกกระทรวง ทบวง กรม มาทำงานร่วมกัน กว่า 80 % คนอายุ 18 ถึง 25 ปีติดอยู่ในเรือนจำ ซึ่งถือเป็นแรงงานของประเทศหายหมด มีแต่แรงงานต่างชาติมาทดแทน ตนขอให้กำลังใจป.ป.ส. ที่มาถูกทางแล้ว และขอให้ทำต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตนขอท้วงติงว่า งบประมาณปราบยาเสพติด ที่ขณะนี้เข้าไปอยู่ตามหน่วยต่างๆ 20 กว่าหน่วย บางหน่วยไม่รู้จะทำอะไรก็เอามาแปะเป็นงบต้านยาเสพติด ตนขอให้ยกเลิกนโยบายกีฬาต้านยาเสพติด เพราะไม่ได้เป็นการต้านอย่างแท้จริง จึงขอให้ทบทวนหากตรงไหนไม่เหมาะสม ขอให้ตัดแล้วมารวมกันอย่างจริงจัง ปราบปรามให้เข้มข้น

ADVERTISMENT

”ตอนนี้ยาเสพติด ยาบ้า ลงไปเด็กประถมแล้ว 7-8 ขวบก็เล่นยาแล้ว ยังไม่พอบุหรี่ไฟฟ้าลงไปถึงเด็กอนุบาลแล้ว แล้วประเทศไทยจะเหลืออะไร วันดีคืนดีท่านประธานเดินออกไปจากสภาฯอาจจะโดนปาดคอเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะพวกบ้าเต็มเมือง บางอำเภอผมลงไปตรวจงาน สอบถามว่ามีคนติดยาทั้งอำเภอประมาณเท่าไหร่ ได้รับคำตอบว่า 800 คน และพวกพร้อมที่จะบ้าเกิน 100 คน จึงขอให้ป.ป.ส.ทำและสู้ต่อไป ผมจะกระทุ้งรัฐบาลว่าไม่ใช่ดีแต่วาจา ต้องลงมือทำอย่างจริงจัง พูดกันเป็นวาระไม่รู้กี่ชาติแล้ว ไม่รู้ชาติหน้าหรือเปล่า เราจะแพ้สงครามรอบประเทศแล้วหากยังปล่อยให้เยาวชนใกล้ยาเสพติดอยู่อย่างนี้“ พล.ต.ท.บุญจันทร์กล่าว

ด้าน นายอะมัด อายุเคน ส.ว.อภิปรายว่า ตนเคยลงพื้นที่กับกรมราชทัณฑ์ พบว่านักโทษในเรือนจำ 3 แสนคน เป็นนักโทษติดยาเสพติดไปแล้วกว่า 2.8 แสนคน คุกไทยเป็นพื้นที่รองรับคนค้ายาเสพติดที่ดีมาก เคยคุยกับชาวเมียนมาที่ค้ายาเสพติดก็บอกว่าไม่กลัวคุกไทย เพราะมีอาหารให้กิน 3 มื้อ และอาหารครบ 5 หมู่ด้วย มีการออกกำลังกายตอนเช้า และมีสถานพยาบาลดูแล แต่ถ้าติดคุกในเมียนมาหรือต่างประเทศกลัวว่า จะเสียชีวิต

ADVERTISMENT

“ผมเสนอให้แก้กฎหมายของประเทศไทยที่ยังอ่อนแอ แก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก แก้ที่ปลายเหตุโดยมีแนวคิดที่จะเสนอให้ยาเสพติดหมดไปภายใน 6 เดือน อย่างสิงคโปร์ที่มีกฎหมายประหารชีวิตคดียาเสพติด แค่มียาไอซ์ ยาบ้าเม็ดเดียว เขาแขวนคอประหารชีวิตเลย ถ้าผมมีอำนาจจะเสนอว่าประเทศไทยควรมีโทษประหารชีวิตเหมือนกัน ถ้าเรามีจุดยืนกล้าทำ ทำไปเลย แต่ถ้ากฎหมายออกไปจริง ผมอาจจะโดนคนแรก หน้าบ้านผมอาจจะมีพวกสิทธิมนุษยชน ภาคประชาสังคม มาดักหน้าบ้านเต็มไปหมด มาดูว่าผมถูกสั่งมาเกิดจากนรกหรือเปล่า ถึงใจร้ายใจดำ ซึ่งไม่ใช่เพราะผมเห็นว่า ประชากรของเราต้องมีคุณภาพ“

นายอะมัดกล่าวว่าหากจะลงโทษด้วยการประหารชีวิต ก็ไม่ต้องทำใต้ดิน ไม่ต้องไปวิสามัญฆาตกรรม เหมือนสมัยใครไม่รู้ที่วิสามัญไป 2,000 กว่าคน ขอให้ประหารเลยภายใน 3 เดือน และถ่ายทอดโทรทัศน์ด้วย รับประกันได้ว่าไม่มีใครกล้าทำผิดแน่นอนพร้อมย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชุด แต่งตั้งชุดใหม่ ลองดูว่าทำได้หรือไม่

“หากลูกหลานของใครไม่เคยติดยาก็จะไม่รู้ว่าช้ำใจแค่ไหน เราไม่ควรต้องสนใจต่างชาติ ควรตั้งศาลพิเศษขึ้นมาให้ตัดสินภายใน 3 เดือน มีโทษประหารชีวิตและโฆษณาผ่านสื่อ ”นายอะมัด กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอะมัดอภิปรายอยู่นั้น มี ส.ว. หลายคนมายืนอยู่ด้านหลัง ทำให้นายอะมัดกล่าวขึ้นว่า “ท่านว่าทำได้ไหม กองเชียร์ผมบอกว่าทำได้หมด” พร้อมกล่าวอีกว่า ข้อเสนอตนอาจรุนแรงไปหน่อย มันไม่ใช่ความรุนแรงแต่เป็นความเด็ดขาด แต่หากยังลูบหน้าปะจมูกอยู่ อนาคตของเด็กไทยจะไม่มีแล้ว อย่าให้ยาเสพติดมาทำร้าย ตนเป็นอิสลาม เคยกล่าวว่าศาสนานี้ไม่มีขโมย เพราะในมุสลิมมีกฎหมายตัดมือผู้ลักขโมย แต่ประเทศไทยทำไม่ได้ เพราะคนไทยใจบุญสุนทาน

ขณะที่ นายศิริสุข ยืนหาญ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ชี้แจงว่า แม้กฎหมายเราจะแรง เรามีกฎหมายที่เกี่ยวข้องถึง7 ฉบับ แต่ก็มีความขัดแย้งกันจนปรับปรุงกลายเป็นประมวลกฎหมายยาเสพติด แต่ใช้3 ปีแล้วมีบางมาตราที่ต้องปรับปรุงเพื่อให้เป็นประโยชน์กับการแก้ปัญหา ที่ผ่านมานายกฯเคยเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวต้องประชุมหลายครั้ง โดยวันที่ 30 ม.ค.นี้จะมีปฏิบัติการปิดล้อมชายแดนเพื่อปราบปรามยาสเพติด ยอมรับว่าขณะนี้ป.ป.ส.มีกำลังจริงเพียง1,040 คน ขณะที่ชายแดนไทยมี 5,656 ตร.กม. จึงให้ปปส.เป็นหน่วยยุทธศาตร์ นโยบาย และอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย แต่เราทำทุกคดีไม่ไหว เพราะมีคดีเป็นแสน จึงทำให้โหลด ซึ่งการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่พบการทำผิดต้องโดนลงโทษถึง 3 เท่า สำหรับการจับยาหากตรวจจากนักวิทยาศาสตร์แล้ว จะไม่มีเวียน และต้องนำไปทำลายเมื่อมีปริมาณณถึง 30 ตัน ยืนยันว่าไม่เวียน โดยตั้งแต่ 26 ธ.ค.2566 ต้องเผา และเร่งเผาทุกๆ 2-3 เดือน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

”ยืนยันว่าค่านิยมของเราคือทุ่มเท เสียสละ และทำงานเพื่อส่วนรวม ขอให้ไว้ใจได้ จะเห็นว่าข่าวปปส.ไปพัวพันยาเสพติดจะน้อยมาก หากมีข้อมูลและพยานหลักฐานให้แจ้งมาหรือแจ้งต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้“ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image