‘อังคณา’ เรียกร้องให้อนุญาต ‘นักวิชาการอิสระ’ เข้าเยี่ยม ‘อุยกูร์’ บอก จนท.แจ้งสว.เข้าไม่ได้ เหตุ เกี่ยวข้องพรรคการเมือง หวังถก ‘ภูมิธรรม’ หาแนวทางออก
เมื่อวันที่ 29 มกราคม เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้แถลง ความก้าวหน้า กรณีผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ ว่า มีผู้มาร้องเรียนถึงความกังวล ว่าผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ อาจจะถูกผลักดันกลับประเทศต้นทาง และจะต้องเผชิญอันตราย ทั้งนี้เมื่อปี 58 ประเทศไทยเคยส่งชาวอุยกรู์ 109 คนกลับประเทศจีนมาแล้ว ซึ่งทางญาติพี่น้องก็ยังยืนยันว่าไม่ทราบชะตากรรมของทั้ง 109 คน
นางอังคณากล่าวว่า เมื่อวานนี้ทาง กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ ส.ว. ได้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ร่วมกันให้ข้อมูล สิ่งที่ทางกรรมธิการได้พยายามทำตลอด 2 สัปดาห์หลังจากที่มีข่าวว่าจะมีการผลักดันกลับคือ ส่งหนังสือถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อ จะขอเข้าเยี่ยมชาวอุยกูร์กลุ่มนี้เนื่องจากได้ทราบว่ามีคนที่กำลังอดอาหารประท้วง แต่ไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากว่า มองว่าวุฒิสภาหรือวุฒิสมาชิกเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เราก็ได้ชี้แจงแล้วว่า ส.ว.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง และ กมธ.ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว ดังนั้น กมธ.ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและมีอิสระก็ควรจะมีโอกาสเข้าเยี่ยมคนที่อาจจะถูกละเมิดสิทธิ์
ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแจ้งว่าตอนนี้มีผู้ต้องกักอยู่ในห้องกักขัง 39 คน อยู่ที่โรงพยาบาล 1 คน เป็นผู้ป่วยหรักติดเตียง และปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตด้วย และมีคนซึ่งอดอาหารประท้วงอยู่ ซึ่ง กมธ.ก็แสดงความห่วงใย เนื่องจากผู้กักขังอาจจะไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการที่จะดูแลเรื่องอาหารในระยะเวลานาน การที่อาจจะมาเริ่มทานอาหารใหม่ อาจจะส่งผลต่อสุขภาพเหมือนกรณีของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ซึ่ง กมธ.ได้มีการแนะนำให้กาชาดระหว่างประเทศเข้าเยี่ยมและให้คำแนะนำในเรื่องของการส่งกลับ
นางสาวอังคณากล่าวย้ำว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สมช.และกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ยืนยันว่าประเทศไทยจะไม่ละเมิดพันธะกรณีระหว่างประเทศ รับประกันว่าจะไม่มีการผลักดันผู้ลี้ภัยหรือผู้แสวงหาที่พักพิงกลับไปเผชิญอันตราย ซึ่งเมื่อปีที่แล้วทางผู้เชี่ยวชาญแห่งสหประชาชาติได้มีหนังสือถึงประเทศไทย กังวลว่าประเทศไทยจะส่งกลับ โดยทาง กมธ. ต้องขอขอบคุณสำหรับการยืนยันนี้ ดังนั้นการเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญอิสระเข้าไปเยี่ยมจะถือเป็นการยืนยันว่าไทยปฏิบัติตามหลักสากล
“แม้ว่าคนกลุ่มนี้อาจจะถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด แต่ถ้าหากว่าเชื่อว่าเขากลับประเทศต้นทางแล้วจะได้รับอันตราย ประเทศไทยก็ไม่สามารถที่จะส่งกลับได้ ไม่ว่ากรณีใด สิ่งหนึ่งที่เรากังวลก็คือการไม่อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญอิสระเข้าเยี่ยม ซึ่งในรายงานของผู้เชี่ยวชาญแห่งสหประชาชาติได้เรียกร้องให้ประเทศไทยตรวจสอบศพผู้เสียชีวิตให้เป็นไปตามหลักสากล” นางอังคณากล่าว
นางอังคณากล่าวว่า ตนหวังว่า กมธ.จะได้พูดคุยกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ดูแลเรื่องความมั่นคง ตนคิดว่าเรายินดีที่จะไปพบและหารือ เนื่องจากเราก็ยืนยันว่าในฐานะวุฒิสมาชิก เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคการเมือง
“สภาพห้องกักแย่กว่าเรือนจำมาก แล้วทาง กมธ.เองก็คงจะศึกษาในเรื่องการกักตัวผู้ที่เข้าเมืองผิดกฎหมายในห้องกัก เพื่อมีข้อเสนอแนะและข้อสังเกตให้รัฐบาลต่อไป” นางอังคณากล่าว