‘รองปลัดมท.’ เผย ‘กฟภ.’ จะตัดไฟที่ขายให้ฝั่งเมียนมาได้ เมื่อ ‘สมช.’ ชี้ชัดว่ากระทบความมั่นคง แจง ช้ามา 5-6 เดือน เพราะบางหน่วยงานไม่ยอมตอบ
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึง เรื่องของขอบเขตอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดในการตัดไฟ ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยดูแลเรื่องความมั่นคงภายใน ดังนั้นถ้ามีข้อมูลข้อเท็จจริงทางการข่าว ดังนั้นหากมีข้อมูลทางการข่าวที่เห็นชัดว่ามีการนำกระแสไฟฟ้าจากฝั่งไทยไปใช้ในกิจการที่เป็นทุรกรรมที่เป็นอาชญากรรมหรือกระทบต่อความมั่นคงรายงานเข้ามา ทางกระทรวงมหาดไทยก็สามารถรวบรวมข้อมูลเหล่านี้มาประกอบ ในการพิจารณาโดยเฉพาะการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีสัญญาอยู่ข้อหนึ่งว่า เราสามารถจะเลิก หรืองด หรือบังคับตามสัญญา หากการจ่ายไฟฟ้ามีผลกระทบต่อความมั่นคง
นายชำนาญวิทย์กล่าวว่า เพราะฉะนั้นความมั่นคงแค่ไหนเพียงใด จึงเป็นที่มาของการประชุมวันนี้ ว่าทำไมกระทรวงมหาดไทยถึงต้องรู้ว่า กิจการที่เรานำไฟฟ้าไปขายที่ฝั่งเมียนมานั้นกระทบความมั่นคง เพราะฉะนั้นวันนี้ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้พูดคุยกันกับทุกหน่วยงานที่ประมวลข้อมูล ก็จะได้รวบรวมนำเรียน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และเป็นแนวทางเพื่อกำหนดให้กระทรวงมหาดไทย เป็นข้อมูลว่ากระทบหรือไม่กระทบความมั่นคง แล้วทางการไฟฟ้าก็จะนำข้อมูลนี้ไปดูตามสัญญา ถ้าชัดก็ดำเนินการตามสัญญาได้เลย แต่หากไม่ชัดก็ต้องสอบถามทางคู่สัญญาและลงไปตรวจสอบ เพราะบางครั้งคู่สัญญาอาจจะตอบว่าไม่กระทบ ซึ่งเราจะเชื่อได้หรือไม่ เราจึงต้องถาม สมช.คู่ขนานไปด้วย จากนั้นแล้วหากยังไม่ชัดอีกเราจึงจะตั้งทีมลงไปดูให้เห็นกับตา ดังนั้นความชัดเจนจะเป็นธรรมกับทั้งผู้บริสุทธิ์ที่ใช้ไฟและผู้ทุจริตที่ใช้ไฟโดยมิชอบ อันนี้ก็เป็นแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยได้ทำมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 67 และได้ถามไปทั้ง ปปส. ปปง. ปปช. รวมทางกระทรวงต่างประเทศ เราได้ทำงานเหล่านี้มาหลายเดือนแล้วตั้งแต่แนวทางในการตัดน้ำตัดไฟ รวมทั้งเรื่องของอินเตอร์เน็ต ก็เป็นแนวทางที่ทำมาจนถึงวันนี้ หากได้ข้อสรุปวันนี้ก็เชื่อว่าการไฟฟ้าจะไปบังคับตามสัญญาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า สรุปว่าอำนาจในการตัดไฟอยู่ที่การไฟฟ้า หรือจะต้องเข้ามติคณะรัฐมนตรี นายชำนาญวิทย์กล่าวว่า ต้องดูมติ ครม. เพราะว่าตอนที่เราอนุญาตให้ขาย ครม.มีมติให้อนุญาต เราต้องไปดูว่าตอนอนุญาตมีเงื่อนไขอย่างไร มันก็ต้องมีพูดถึงว่ากรณีกระทบความมั่นคง ซึ่งมติ ครม.ได้พูดถึงเรื่องความมั่นคงไว้จึงมีในสัญญา จึงผูกกับ สมช. เพราะฉะนั้นความว่ากระทบหรือไม่กระทบกับความมั่นคง กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงต้องถามทั้งกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้ง สมช. เพื่อมาดูว่าผิดเงื่อนไขตามสัญญาหรือไม่หากผิดการไฟฟ้าก็บังคับใช้ตามสัญญาได้เลย
เมื่อถามว่า ในระยะเวลาที่บอกว่าดำเนินการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม กว่า 5-6 เดือนแล้วนั้น การเก็บข้อมูลเบื้องต้นชัดเจนหรือยัง นายชำนาญวิทย์กล่าวว่า บางทีถามไปเขาก็ไม่ตอบ หรือถามไปก็ยังไม่ได้ข้อมูล นี่เป็นประเด็นที่ทางการไฟฟ้าทำหมดแล้ว แจ้งไปทุกหน่วยบางหน่วยก็บอกว่าไม่กระทบบางหน่วยก็ไม่ตอบเฉยๆ เลยเป็นที่มาที่วันนี้ต้องมานั่งพูดคุยกัน แล้วมาประมวลข้อมูลให้ได้ข้อยุติ เพราะหากเราไม่ได้ข้อยุติแล้วเราไปปรับข้อกฎหมายก็จะผิดเพี้ยน
เมื่อถามว่า ในปัจจุบันนี้คนที่จะเซ็นคำสั่งตัดไฟ คือรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายภูมิธรรมใช่หรือไม่ นายชำนาญวิทย์กล่าวว่า ก็คุม สมช.