ประเสริฐ แจงสว. คาด ก.พ. นี้ พ.ร.ก.ไซเบอร์ ประกาศใช้ เตรียมพัฒนาแอพพ์แจ้งตัวตนเมื่อโทรเข้า
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามเป็นหนังสือ ของนายสุทนต์ กล้าการขาย ส.ว. เรื่องการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามและหลอกลวงทางออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย และการบริการโทรคมนาคม รวมถึงมาตรการควบคุมไม่ให้เกิดปัญหา และการพัฒนาระบบเตือนภัยออนไลน์ผ่านการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และการพนันออนไลน์
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านความเห็นชอบ การแก้ไข ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่. …) พ.ศ. … เมื่อเดือนมกราคม และขณะนี้อยู่ระหว่างที่กฤษฎีกาดูรายละเอียดเล็กน้อย คาดว่าจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ สำหรับสาระสำคัญ ของร่าง พ.ร.ก. อาทิ ให้ธนาคารรายงานข้อมูลการเงินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้การคืนเงินแก่ผู้เสียหายทำได้รวดเร็ว และมีกำหนดโทษผู้ที่ซื้อขายหรือเปิดเผยรายการส่วนบุคคล ทั้งที่ทำเพื่อการค้าหรือเสนอว่าจะให้ รวมถึงให้สถาบันการเงิน ผู้ประกอบการโทรคมนาคม สื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์หรือเอ็กซ์ ต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชน หากไม่ระมัดระวังดูแลระบบที่ปลอดภัย
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า สำหรับการพนันออนไลน์ตนจะรับไปพิจารณาอีกครั้ง ส่วนการแก้ปัญหาซิมม้านั้น ทางกระทรวงได้ตรวจสอบการถือครองและมีมาตรการให้ศูนย์บริการโทรศัพท์และ กสทช. ให้ผู้ที่ถือครองซิมจำนวนมากมาชี้แจง รวมถึงการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ที่เกิน 100 สายต่อวัน ว่ามีเหตุผลอะไร หากไม่สามารถตอบเหตุผลที่เพียงพอได้ จะระงับซิมโทรศัพท์
“การเปิดซิมบัญชีม้า ปัจจุบันมีราคาหมื่นบาท ส่วนบัญชีนิติบุคคลมีราคาหลักแสนบาท ซึ่งกระทรวงได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตรวจสอบ ทั้งนี้ จากการตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือศูนย์เอโอซี 1441 เพื่อรับเรื่องร้องเรียน และตั้งแต่เริ่มต้นทำงานพบว่ามีการร้องเรียนประมาณ 3,000 สายต่อวัน ส่วนปัจจุบันยังมีจำนวนเท่าเดิม แต่พบว่ามียอดความเสียหายต่อวันลดลง 40% ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังมีความเสียหายอยู่ จึงต้องทำงานหนักเพื่อบูรณาการการทำงาน และยกระดับความช่วยเหลือประชาชน คาดว่าจะเร่งแก้ปัญหาโดยเร็ว” นายประเสริฐชี้แจง
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการป้องกันระยะยาวนั้น รัฐบาลได้พัฒนาระบบการป้องกันการโทรศัพท์หลอกลวง ซึ่งระบบจะเสร็จในเวลาอันใกล้ เมื่อระบบเสร็จแล้ว ใครลงแอพพลิเคชั่นแล้วจะทราบว่าผู้ใดโทรศัพท์เข้ามา รวมถึงการยืนยันตัวตนให้เข้มข้น ขณะที่ศูนย์เอโอซี 1441 ให้บริการ 24 ชั่วโมง รวมถึงมีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม โดย 1 เดือนมีข่าวปลอมเป็นล้านข่าวจึงต้องคัดและลบทิ้ง ดังนั้น แพลตฟอร์มออนไลน์หากปล่อยให้เกิดโดยไม่ใช้ระบบป้องกันเพียงพอก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อความเสียหายด้วย