“ภูมิธรรม” เตรียมตัดไฟครึ่งหนึ่ง ชเวก๊กโก-เคเคพาร์ก โต้ มท.-กฟภ.หน่วยหน้างาน เจอปัญหาไม่รอสั่ง ลั่นจัดการส่วยชายแดนสิ้นซากรอบเดียว
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2868 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับไฟฟ้าเมียนมา ภายหลังจากที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ตนได้สั่งการให้ เลขาสมช.เรียกประชุมในระดับปฏิบัติการ พร้อมทั้งเชิญ กฟภ. มาพูดคุย เนื่องจากไม่อยากให้โยนกันไปมา ทั้งกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมด โดยมีสมช.เป็นตัวกลางทำหน้าที่ประสานงาน ซึ่งเรื่องดังกล่าว เราดำเนินการมาแล้ว ตั้งแต่สมัยนายกฯเศรษฐา ทวีสิน
ซึ่งยืนยันว่า การประชุมในช่วงเช้าของ สมช. มีความเป็นเอกภาพ ไม่ได้มีการโยนกันไปมา และสิ่งที่สำคัญ ให้ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายทั้งหมด โดยให้ประสานระหว่าง สมช. กระทรวงมหาดไทย เพื่อประสาน ให้กระทรวงการต่างประเทศติดต่อ กับเมียนมา เพื่อดำเนินการจากมาตรการเบาไปหาหนัก ให้เขาเร่งเคลียร์กับบริษัท ที่อยู่ภายในประเทศของเขา หากมีปัญหา และยังไม่ดำเนินการใดๆ ก่อนจะมีกระบวนการในการจัดการต่อไป เราแจ้งให้เขาทราบในฐานะที่เขาเป็นเจ้าของประเทศ ที่จะต้องพูดคุย และสิ่งสำคัญเรากำลังดำเนินการอยู่ อาจจะต้องใช้มาตรการตัดไฟครึ่งหนึ่ง เพื่อให้กระแสไฟตก โดยเฉพาะอำเภอแม่ละมาด กับแม่สอด จ.ตาก ที่เกี่ยวข้องกับเมืองชเวโก๊กโก่ ควบคู่ไปกับมาตรการเจรจา
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า เรามีการพูดคุย และหารือกันมาหลายวันแล้ว และมีข้อเสนอแนะ จากที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เวลา 15.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคง และสาธารณะ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จะมาเข้าพบตน และจะพูดคุยในเรื่องของรายละเอียด ว่าจะร่วมมือกันอย่างไร และทางจีนก็คงมีข้อเสนอแนะ
นายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า เท่าที่ดูทางการจีน เคารพในอธิปไตยของไทย และไม่รู้สึกเป็นเหมือนกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านั้น ซึ่งทางจีน ก็ยังมาขอข้อมูลจากเราว่า กระบวนการต่างๆ จะทำงานร่วมกันอย่างไร จึงขอคุยรายละเอียดเรื่องนี้ก่อน แล้วค่อยมาสรุปผลอีกครั้งหนึ่ง และทางสมช.จะสรุปข้อมูลส่งมาให้ตน และในวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ ตนจะเดินทางไปยังชายแดนแม่สอน จังหวัดตาก กลับมาก็จะมีการสั่งการที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการตัดไฟครึ่งหนึ่ง
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการการตัดไฟ เกี่ยวข้องเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นเรื่องที่ตกลงกันมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกัน ว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งการที่เราขายไฟฟ้าให้กับเมียนมา ไม่ต่างกับที่ ลาวขายให้กับสิงคโปร์ ก็จะดำเนินการขายไฟให้ต่อไป ตราบใดที่ไม่มีข้อผู้สูจย์ชัดเจนว่า มีการกระทำผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหน่วยงานความมั่นคง เราก็มีข้อมูลอยู่แล้ว และสำรวจมาต่อเนื่อง ว่ามีการนำไฟไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ มีการตรวจสอบบริเวณตามแนวชายแดน พวกเราต้องมีมาตรการในการจัดการ
“หัวใจสำคัญอยู่ที่เมืองชเวก๊กโก เมืองเคเคพาร์ก จังหวัดเมียวดี เป็นเรื่องที่เราต้องคุยกัน และต้องพูดคุยกับจีนด้วย เพราะหลายเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทยอย่างเดียว เช่น การเป็นทางผ่าน ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ยังมีเส้นทางอื่นอีก ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา มีแอฟริกา อีกทั้งผมจะใช้โอกาสนี้จัดการ ส่วยบริเวณตามแนวชายแดนทั้งหมด” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่า นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า เป็นอำนาจของ นายภูมิธรรม ในการสั่ง ตัดไฟ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงอยู่ แต่เมื่อมีปัญหา ก็ต้องรีบสรุปข้อมูลและส่งมาตน ซึ่งตนยอมรับว่า เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง จะว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของรองนายกฯ อีกก็ใช่ แต่ไม่ใช่ว่าจะโยนกันไปมา ก็ต้องดูกันทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องมาโยนกันไปมา พร้อมทั้งยืนยันว่า เรื่องการตัดไฟเมียนมา ไม่ต้องเข้าสู่ ครม.ว่า สมช.สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว หากทำผิดกฎหมาย และกระทบความมั่นคง
“เรื่องแบบนี้เมื่อหน่วยงานเฉพาะหน้าเจอ ไม่จำเป็นต้องมารอคำสั่งการสามารถดำเนินการได้ทันที หรือทำเรื่องมาขอ ว่าเกิดเหตุลักษณะเช่นนี้ โดยไม่ต้องรอให้ไปสั่ง เพราะเป็นหน่วยงานปฏิบัติอยู่แล้ว เราไม่มีหน้าที่ตัดไฟตามกระแสในโซเชียล ที่กดดันว่า จะตัดไฟกี่โมง ส่วนที่มีการย้ายตำรวจในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก นั้นจะเกี่ยวกันหรือไม่ผมยังไม่รู้” นายภูมิธรรม กล่าว