หมายเหตุ – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน FTI EXPO 2025 พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ “จุดประกายอุตสาหกรรมไทย สร้างเศรษฐกิจใหม่นำประเทศสู่ความยั่งยืน” จัดโดย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพิชัย นริพทะพันธุ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมงาน ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มางานที่มีความสำคัญต่อประเทศไทย ภายใต้แนวคิดเสริมพลังอุตสาหกรรมไทยเพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน ตั้งแต่เดินเข้ามาได้เห็นบูธต่างๆ เห็นเลยว่าแม้จะมีการจัดบูธไม่ใหญ่มาก แต่นี่คือพลังอันสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย อย่างที่ประธานอุตสาหกรรมพูดไว้ อุตสาหกรรมใหม่เป็น 1 ใน 3 อุตสาหกรรมที่ผลักดันจีดีพีของประเทศ และเอกชนคือผู้ที่ลงทุนลงแรงในการหาข้อมูลการผลิตพัฒนาคนในหลายด้าน เพื่อให้อุตสาหกรรมแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และภาครัฐพร้อมที่จะสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้ไปต่อได้ไกลขึ้น เพื่อให้ทั่วโลกรู้ว่าเราเปิดแล้วหลังโควิดเราไม่ได้หายไปไหน แต่ยังแข็งแรงเหมือนเดิมและพร้อมจะเป็นแหล่งของการผลิตอุตสาหกรรม ผลิตคนที่สามารถพัฒนาต่อยอดได้อีก
มั่นใจว่าคนไทยจะเกิดแรงบันดาลใจ เมื่อเอกชนและรัฐบาลทำงานร่วมกันเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถต่อยอดอุตสาหกรรมของไทยไปต่อได้อย่างเข้มแข็ง และจากนโยบายที่แถลงไปต่อรัฐสภาว่าจะวางนโยบายยุทธศาสตร์พัฒนาภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการมุ่งเร่งการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมในอนาคต พัฒนาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ เอื้อต่อการพัฒนารวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และการพัฒนาคนไปพร้อมกัน นี่คือการยกระดับฐานการผลิตเพื่อให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นเป็นที่ยอมรับต่อทั่วโลกมากยิ่งขึ้น การสร้างมูลค่าเพิ่มต่อสินค้าและบริการจะสามารถสร้างโอกาสและความแตกต่างให้ประเทศไทย และโปรดักต์ที่ผลิตขึ้นในไทย Made in Thailand ของเราเข้มข้นขึ้นและ
เป็นสิ่งที่ได้มาตรฐานต่อทั่วโลกมากยิ่งขึ้น สิ่งนี้จะสามารถทำให้พลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ และจริงๆ เอสเอ็มอีของเรามีเปอร์เซ็นต์มากถึง 75% และมีหลักในการพัฒนา เรื่องของเอสเอ็มอีให้ได้มากสุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมายต่างๆ ที่มีมานานแล้วและหลายกฎหมายที่ค่อนข้างซ้ำซ้อนมากเกินไป ซึ่งในระดับกระทรวง รัฐมนตรีก็จะสามารถช่วยกันได้ ตรงไหนที่สามารถปรับหรือยกเลิกใช้ในบางอย่างเพื่อเปิดช่องทางให้กับเอสเอ็มอี และประเทศไทยได้มีโอกาสเพิ่มการลงทุน เพิ่มศักยภาพมากยิ่งขึ้น ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก
ส่วนเรื่องกฎหมายพร้อมที่จะดูเพื่อให้เกิดความสะดวกต่อ วันนี้เราจะฉายภาพใหม่ให้ทุกคนได้เห็นภาพตรงกัน ว่าสามารถเปลี่ยนอุตสาหกรรมไทยให้ทั่วโลกเกิดการยอมรับและมองเห็นจริง
โดยจะมีการฉายภาพใหม่ให้ทุกคนได้เห็นภาพตรงและสอดคล้องกันผ่าน 4 GO ซึ่งเป็นอะไรที่พื้นฐานแต่มีพลังอย่างมากที่เปลี่ยนอุตสาหกรรมของไทยได้มากจริงๆ ทำให้ทั่วโลกเกิดการยอมรับและการมองเห็น โดย Go แรก คือ
1.GO Digital & AI รัฐบาลจะเพิ่มความแข็งแกร่งของระบบโครงสร้างพื้นฐานเรื่องดิจิทัล เพื่อให้ดึงดูดการลงทุนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน AI ซึ่งมั่นใจว่าจะแล้วเสร็จในไม่ช้านี้
2.GO innovation ดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมในอนาคต Semi Conductor ซึ่งเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีการจัดตั้งบอร์ด Semic Conductor แห่งชาติโดยตนเป็นประธานมีวัตถุประสงค์ที่จะผลักดันและเร่งการดำเนินการต่างๆ ในเชิงยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
3.GO Green พลังงานสีเขียวทั่วโลกขนาดไหนดีและซึ่งมีเทคโนโลยีใหม่ๆ การลงทุนจะต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญซึ่งจะถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่จะสร้างโอกาสและเป็นความท้าทายของประเทศ ฝากคณะอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องโดยที่มี Completment ในเรื่องพลังงานสีเขียวก็จะเป็นเรื่องที่จะเพิ่มโอกาสสำหรับประเทศไทยทำให้ทั่วโลกรู้ว่าถึงเราจะพัฒนา AI เทคโนโลยีไปไกลแค่ไหน? เราจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน
4.GO Global การต่อยอดขยายข้อตกลงทางการค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากรัฐบาลไทย มุ่งเน้นการเซ็น FTA เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาส SMEs
มั่นใจว่าจะแล้วเสร็จในไม่ช้านี้ รวมถึงผลักดันเรื่องของนวัตกรรม เพราะวันนี้โลกเราเปลี่ยนไปเร็วมาก หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ จะเอื้อประโยชน์อย่างมากให้กับภาคอุตสาหกรรม
ขณะที่เรื่องพลังงานสีเขียว ที่ทั่วโลกตระหนัก เพราะมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ การลงทุนต่างๆ ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะเป็นตัวแปรทำให้สร้างโอกาสและเป็นความท้าทายของประเทศ ขณะเดียวกันการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงเรื่องพลังงานสีเขียวจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับประเทศไทยมาก จะทำให้ทั่วโลกรู้ว่าแม้เราจะพัฒนา AI เทคโนโลยีปัจจัยแค่ไหนก็ยังมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
นอกจากนี้รัฐบาลยังได้จัดทำกลไกที่ทำให้เกิดการจงใจในการประกอบธุรกิจเปลี่ยนแนวธุรกิจสีเขียว และต่อยอดการขยายข้อตกลงทางการค้าถือเป็นสิ่งสำคัญ และรัฐบาลไทยได้ลงนามเอฟทีเอ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่กรุงดาวอส ถือเป็นเอฟทีเออันดับแรก ที่เซ็นร่วมกับประเทศที่อยู่ในอียูและเชื่อว่าจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตเราไม่ได้โฟกัสที่อียูอย่างเดียว ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือภูฏานก็เป็นสิ่งที่ประเทศเรามุ่งเน้นเช่นกันว่าจะได้เซ็นเอฟทีเอเพิ่ม เพื่อเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีของไทยความเสรีการค้า ก็จะเป็นโอกาสของคนไทย ซึ่งทั้งหมดการที่เราร่วมมือกับประเทศต่างๆ จะนำไปสู่ความร่วมมือด้านการวิจัย ถือเป็นสิ่งสำคัญเราต้องลงทุนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาต่อไปอย่างเข้มแข็งและมีรากฐานที่มั่นคง
วันนี้เรามาถึงจุดที่เวลาหมุน และไม่สามารถรอได้ ประเทศไทยมีคนที่มีศักยภาพที่เราพร้อมสนับสนุน เพิ่มความสามารถของคนไทยให้มูลค่าของคนไทยมีคุณค่ามาก และมั่นใจว่าเมื่อรัฐบาลและเอกชนร่วมกันทำงานแบบนี้จะสามารถพัฒนาทั้งคนและอุตสาหกรรมให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างเข้มแข็ง และเชื่อว่าถ้าอุตสาหกรรมเข้มแข็งในอนาคตการเตรียมความพร้อมสำหรับคน เด็กรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมามีความรู้ ความสามารถในเรื่องอุตสาหกรรมมากขึ้นก็เป็นสิ่งที่ทำได้อย่างแน่นอน ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้นมา
นอกจากเป็นงานที่มาแสดงศักยภาพของคนไทยแล้วเชื่อเป็นอย่างยิ่งจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายคนในประเทศและต่างประเทศด้วย เมื่อเราทำงานร่วมกันอุตสาหกรรมนี้จะถูกพัฒนาอย่างยั่งยืนและเศรษฐกิจถูกกระตุ้น ประเทศไทยก็จะมีกินมีใช้ ขอให้ทุกคนทำงานร่วมกันแบบนี้และขอบคุณความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอีกครั้ง