อานนท์ เขียนจดหมายถึงผู้รายงานพิเศษ UN หลังออกแถลงให้ไทยยกเลิก ม.112 ยันทุกการแสดงทำด้วยความหวังดี กลับถูกกดปราบ ดำเนินคดีรุนแรง หวังเกิดกระบวนการพูดคุยอย่างมีวุฒิภาวะ
จากกรณีที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และกลุ่มสังเกตการณ์เพื่อคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (The Observatory for the Protection of Human Rights Defenders) ส่งคำร้องเรียน (communication) กรณีการคุมขัง นายอานนท์ นำภา ภายใต้มาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ไปยังคณะทำงานว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการ (Working Group on Arbitrary Detention) เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567
โดยคำร้องดังกล่าวปรากฏข้อความตอนหนึ่งว่า “การบังคับใช้และดำเนินคดีตามมาตรา 112 นั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาเป็นระยะเวลายาวนานทั้งในระดับภาคประชาสังคม และตามการเฝ้าสังเกตสถานการณ์สิทธิมนุษยชนภายใต้กลไกขององค์การสหประชาชาติ แต่กระนั้นเองภาครัฐของไทยยังคงมีการละเมิดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน อย่างเช่น เสรีภาพในการแสดงออกและการแสดงความคิดเห็น ซึ่งรวมไปถึงการดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งปรากฏให้เห็นได้จากการตั้งข้อหา ฟ้องร้อง และกักขังนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และประชาชนโดยทั่วไป”
กระทั่งวันที่ 30 มกราคม 2568 ผู้เชี่ยวชาญฯ UN เรียกร้องให้ประเทศไทย “ยกเลิก” (repeal) มาตรา 112 และแสดงความเห็นว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบังคับใช้กับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ออกมาใช้เสรีภาพในการแสดงออก (คลิก เพื่ออ่านแถลงความฉบับเต็มของ ผู้เชี่ยวชาญฯ UN เป็นภาษาอังกฤษ)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกของ นายอานนท์ นำภา ที่ส่งถึงคณะผู้รายงานพิเศษสหประชาชาติ หลังออกแถลงให้ยกเลิก ม.112
จดหมายระบุว่า กระผมได้ทราบข่าวว่าทางยูเอ็น นำโดย ท่านแมทธิว กิลเล็ตต์ ประธานคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการ และคณะทำงานฯ (UN Working Group on Arbitraly Detention : UN WGAD) ได้ออกแถลงการณ์แถลงความห่วงใยต่อสถานการณ์การบังคับใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 ในประเทศไทย โดยเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษทางการเมืองและให้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าวอันเป็นกฎหมายที่รับใช้เป็นเครื่องมือในการจำกัดการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ของพวกเรา ในฐานะตัวแทนนักโทษทางการเมืองกระผมขอขอบคุณด้วยความจริงใจ
ขณะที่ท่านได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ในเมืองไทยมีการดำเนินคดีตามกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างกว้างขวาง ผู้ออกมาแสดงออกทางการเมืองหลายคนต้องลี้ภัยทางการเมืองในหลายประเทศ หลายคนถูกคุมขังโดยไม่ได้รับสิทธิในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ถูกพิพากษาอย่างไม่เป็นธรรมเพียงเพราะออกมาวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ในที่สาธารณะ กระผมเองถูกพิพากษาจำคุกไปแล้วกว่า 18 ปี 10 เดือน และยังต้องต่อสู้คดีอีกหลายคดีโดยไม่ได้รับสิทธิประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี
กระผมถูกตัดสิทธิในการเรียกพยานหลักฐานสำคัญมาพิสูจน์ความจริง มีการสั่งให้พิจารณาคดีโดยลับ และศาลยังสร้างหลักการใหม่ขึ้นมาว่าการพูดความจริงก็เป็นการกระทำความผิดมาตรา 112 ทั้งหมดเป็นการละเมิดต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และละเมิดต่อคำมั่นสัญญาที่ไทยได้ลงสัตยาบันในอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
พวกเราขอยืนยันว่าทุกการแสดงออกทางการเมืองล้วนเป็นไปด้วยความปรารถนาดี โดยหวังจะได้รับการรับฟัง พูดคุย ทำความเข้าใจอย่างอารยชน ซึ่งมีวุฒิภาวะ แต่การณ์ก็หาได้เป็นเช่นนั้น พวกเราถูกกดปราบดำเนินคดีอย่างรุนแรงและไร้อารยธรรม กระผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าห้วงเวลาที่เลวร้ายนี้จะผ่านพ้นไปโดยเร็ว มีกระบวนการพูดคุยระหว่างเยาวชนคนรุ่นใหม่กับฝ่ายที่ครองอำนาจเดิม คุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ สร้างสังคมที่เป็นประชาธิปไตยและมีสันติสุขร่วมกัน
ระหว่างนี้หวังว่าทุกองค์กรระหว่างประเทศและมิตรประเทศให้ความสนใจและให้ความช่วยเหลือพวกเรา กระผมถูกขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครกับเพื่อนอีกหลายคน หากท่านมีโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้คารวะและร่วมแลกเปลี่ยนสถานการณ์ทางการเมืองต่อไป
ขอแสดงความเคารพนับถืออย่างสูง
อานนท์ นำภา
นักโทษทางการเมือง ประเทศไทย
