‘นันทนา’ เห็นด้วย ‘ดีเอสไอ’ มีท่าทีสอบฮั้วเลือก ส.ว. หลังผ่านไป 7 เดือน กกต.ยังเงียบ มอง หากถึงขั้นต้องล้มกระดาน ควรแก้ รธน.ก่อน กร้าว ไม่หนุนอภิปราย เหตุเพราะ ส.ว.เสียงข้างมากเดือดร้อน-ที่ผ่านมาถูกมองข้ามหัวตลอด เหน็บ เรียกร้อนตัวก็ได้หลังดีเอสไอยังไม่ได้เปิดชื่อ
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคดีฮั้วเลือก ส.ว.ปี 2567 ที่ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กำลังจะมีการพิจารณาว่าจะรับคดีนี้เป็นคดีเศษหรือไม่ ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ว่า เดิมทีทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการสืบสวน สอบสวนการทุจริตเลือกตั้งต่างๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 7 เดือนแล้ว กกต.ยังเงียบอยู่ ทำให้มีประชาชนเริ่มกังขาการทำหน้าที่ของ กกต. และการที่ดีเอสไอแสดงท่าทีว่าจะเข้ามารับทำคดีนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชนที่เขามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง ส.ว.ชุดนี้
น.ส.นันทนากล่าวต่อว่า ส่วนกระบวนการที่ดีเอสไอจะดำเนินการสืบสวนนั้น เข้าใจว่าเป็นเรื่องทางคดีอาญาเกี่ยวกับการอั้งยี่ที่แยกออกจากเรื่องคดีเลือกตั้ง ซึ่งหากทางดีเอสไอเข้ามาดำเนินการและสามารถทำให้คลายข้อสงสัยของประชาชนจำนวนมากได้ ตนก็เห็นด้วย
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากปัญหาบานปลายอาจจะกระทบกับ ส.ว.ชุดปัจจุบันทั้งหมด น.ส.นันทนากล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่ากระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว.ตรงนี้มันวิปริตบิดเบี้ยวไปตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ นั่นคือเป็นกระบวนการที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วม เพราะเป็นคนที่สมัคร จ่ายเงิน และเข้ามาเลือกกันเอง ฉะนั้น หากกระบวนการไปถึงขั้นตอนที่พบว่ามีความผิดปกติ ไม่ชอบมาพากล และต้องมีการล้มกระดาน คิดว่าก่อนที่จะมีการล้มกระดานควรจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง ส.ว. เพื่อเปลี่ยนกติกาก่อน เพราะหากมีการล้มกระดานจริง แต่ยังใช้กติกาเดิม มันก็เหมือนเดิม ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร
“เมื่อแก้รัฐธรรมนูญแล้วหลังจากนั้นจะเคลียร์อะไรต่อมิอะไร ก็ต้องให้มีกติกาใหม่มารองรับ กติกาที่ประชาชนเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมและเลือก ส.ว.ด้วยตัวเองเหมือนที่เลือก ส.ส. แบบนี้จะดีที่สุด ไม่ใช่เลือกกันเอง เพราะไม่ได้สะท้อนความต้องการของประชาชน แม้จะอ้างว่ามาจาก 20 กลุ่มอาชีพหรืออะไรก็ตาม“ น.ส.นันทนากล่าว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับกรณีที่มี ส.ว.บางส่วนจะลงชื่อเพื่อยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง น.ส.นันทนากล่าวว่า เรื่องการตรวจสอบของดีเอสไอเป็นกระบวนการยุติธรรมในการที่จะตรวจสอบเรื่องการได้มาซึ่ง ส.ว.ที่คนทั่วไปก็ทราบดีว่ามาเป็นปึกแผ่น มีสีประจำตัว ฉะนั้น หากเชื่อว่าตัวเองมาอย่างยุติธรรมก็ควรให้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาตรวจสอบ ไม่ควรใช้วิธีการฟ้องปิดปาก ตรงนี้หากมีการฟ้องปิดปากโดยให้หน่วยที่จะต้องมีการตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นกระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอ หยุดการกระทำ ก็จะทำให้ประชาชนเสียโอกาสในการรับรู้การตรวจสอบ
“ดิฉันคิดว่าไม่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อาจจะมีชื่ออยู่ในจำนวนที่ดีเอสไอจะดำเนินการ เพราะหมายความว่าตัวเองไม่เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบ คนที่จะมาเป็นผู้แทนของประชาชน มาทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ ควรจะโปร่งใสตรวจสอบได้ เมื่อตรวจสอบแล้วผลเป็นอย่างไรก็คือตามนั้น หากตรวจสอบแล้วไม่ผิดก็จะได้บอกประชาชนได้ว่ามาตามกระบวนการถูกต้อง แต่หากพบว่าผิดจริงก็ต้องมีการดำเนินการต่อ” น.ส.นันทนากล่าว
ถามต่อว่า ในส่วนที่จะมีการลงชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น มี ส.ว.จากกลุ่มอื่นมาพูดคุยกับ ส.ว.พันธุ์ใหม่แล้วบ้างหรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวว่า ที่ผ่านมาเราเป็น ส.ว.เสียงข้างน้อย ซึ่งเขาไม่เคยเห็นหัวเรามาตลอด ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาไม่เคยให้เราไปมีส่วนร่วมในกระบวนการที่จะคัดสรรบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ หรือในคณะกรรมาธิการ ซึ่งเมื่อ ส.ว.กลุ่มเสียงข้างมากจะดำเนินการอภิปรายอะไรต่างๆ เราก็คงไม่ไปสนับสนุนตรงนั้น เป็นเรื่องที่เขาเดือดร้อน หรืออาจใช้คำว่าเขาร้อนตัวก็ได้ เพราะดีเอสไอยังไม่ได้เปิดชื่อมา
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวว่า เข้าใจว่าตรงนี้อาจจะมีเหตุจูงใจในการที่จะดำเนินการ ซึ่งประชาชนอาจจะมองเห็นอยู่ แต่หากมีเหตุจูงใจในการที่จะดำเนินการในส่วนนี้แล้วเป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ และประชาชนเห็นด้วย แต่เท่าที่ดูโดยภาพรวมประชาชนก็สนับสนุนให้เข้ามาตรวจสอบกระบวนการนี้ หากเป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ก็ต้องทำและถือว่าเป็นหน้าที่ แม้จะเป็นด้วยเหตุจูงใจอะไรก็ตาม