ผู้เขียน | ชโลทร |
---|
⦁…ไม่ใช่เรื่องเกินคาดที่ “บอร์ดดีเอสไอเลื่อนโหวต” ยังไม่สรุปว่าจะรับ “คดีฮั้วเลือก ส.ว.” ไว้พิจารณาหรือไม่ ออกไปก่อน ซึ่งเป็นหนทางดีที่สุดที่จะ “ทำให้รัฐบาลยังไม่แตกหัก” โดยที่ “เพื่อไทย” ไม่เสียหน้าว่า “คุมเกมไม่ได้” เพียงแต่ชัดเจนว่าเป็น “เกมต่อรองทางการเมือง” ซึ่งเมื่อโหมโรงมาให้เห็น “ความผิดเพี้ยน” จนเกิดกระแส “รับไม่ได้” ขนาดนั้น บทสรุปคือ “กลืนน้ำลาย” รักษา “ความไม่ชอบมาพากลไว้”จะก่อกระแส “สิ้นหวัง” ให้หนักขึ้นอีก
⦁…แต่อุณหภูมิการเมืองร้อนฉ่าไปทุกมิติ “138 ส.ว.” ที่เคยทะนงองอาจในความเป็น “หุ่นที่พร้อมถูกคอนโทรล” แสดงบทง่ายๆ แค่รอ “ถูกกดปุ่ม” ถึงวันนี้โกลาหล ทุกคนต้องหาทางรักษาสถานะตัวเองไว้ “ความทรงเกียรติที่เคยมี และรายได้ที่เคยมา” ใช่จะปล่อยวางกันง่ายๆ ดังนั้น มีทางไหนจะต้องเปลี่ยนสีเสื้อไปโทนไหน ต่างเตรียมดิ้นหนีตาย จึงไม่แปลกที่มีข่าวกระหึ่ม “ส.ว.ย้ายค่าย” ทำให้หลายเรื่องที่มีแนวโน้มจะถูกล็อกตายสนิท เริ่มเห็นโอกาสคลี่คลายไปด้วย
⦁…การแก้ปัญหา “ธุรกิจไม่มีความคล่องตัว” ทั้ง นายกฯแพทองธารชินวัตร และ รองนายกฯพิชัย ชุณหวชิร ทำอะไรไม่ได้มากกว่า “อ้อนวอน” ครั้งแล้วครั้งเล่าให้ “แบงก์ชาติ” ลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้ “ธุรกิจเอสเอ็มอี” มีโอกาสต่อลมหายใจ ฟื้นบรรยากาศการทำมาค้าขายที่ “เงียบเหงา เฉาสนิท” ไปทุกหย่อมย่าน แต่ดูจะไม่มีความหวังสักเท่าไร ระบบคิดของ “แบงก์ชาติ” กับ “รัฐบาล” เป็นคนละโมเดล
⦁…ตลาดหุ้นยังดิ่งไม่หยุด “ความเชื่อถือของนักลงทุน” ยากที่จะฟื้นคืน หากใครติดตาม “นักวิเคราะห์ที่ได้รับความเชื่อถือ” ไม่ใช่แต่ “ตัวแทนโบรกเกอร์” ที่พูดเพื่อหวังค่าคอมฯการซื้อขาย ย่อมรับรู้ร่วมกันว่า “การบริหารตลาดหลักทรัพย์” บ้านเรา ที่เอาแต่กระตุ้นให้ซื้อให้ขาย โดยไม่เคยมุ่งการเพิ่มทุนเพื่อทำให้ “ธุรกิจแข็งแกร่ง” ยิ่งบริหารก็ยิ่งผิดทิศผิดทาง เพราะที่สุดแล้ว “การลงทุน” เป็นแค่ “สร้างหนี้มาปั่นตลาด” ซึ่งเหลวไหลสิ้นดี
⦁…รายจ่ายมารอเบื้องหน้าสารพัด แต่หนทางหาเงินของรัฐบาลดูติดขัดคับข้อง “ฝุ่นพิษที่เริ่มเทศกาลแถวภาคเหนือ-พืชผลการเกษตรที่ขายได้ไม่คุ้มทุน-เงินชดเชยจ่ายเพื่อให้ร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม” และอื่นๆ อีกมากมายที่ “จ่อคอหอย” ไม่จ่ายไม่ได้ แต่คำถามใหญ่คือ “จะเอาเงินที่ไหนมา” เมื่อสารพัดโครงการถูกต่อต้านหนักหน่วงทั้งหมด เหมือนตั้งใจให้เป็น “รัฐบาลเป็ดง่อย” ขยับอะไรไม่ได้เลย
⦁…ส่งเสียงมาไถ่ถามกันทั่วว่า “ที่สุดแล้วทางออกการเมืองจะเป็นอย่างไร” ดูเหมือนคำตอบอยู่ที่ “การต่อรองอำนาจของปีกอนุรักษนิยม” ที่ “เพื่อไทย” เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งเต็มตัว จะถอยก็ยากเสียแล้ว เชื่อว่าที่สุดแล้วคือการประนีประนอม ถอยกันมาคนละก้าว แล้ว “มองหน้าสบตากันใหม่”
⦁…มีนาคม “ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ” จะเข้าสภา “พรรคประชาชน” ต้องเล่นบทเด็ดขาด เพราะเป็น “เกมเดียวที่ได้เปรียบ” ที่ปล่อยข่าวว่าจะใช้ “ยุทธการตอกลิ่ม” ทำให้ “พรรคร่วมรัฐบาล” มองหน้ากันไม่ได้ เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น “ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศ” จาก “การทำงานไม่ได้ของรัฐบาล” ต่างหากที่ควรจะเป็น “สาระหลัก” ที่ฝ่ายค้านจะชี้ให้เห็น เพื่อตอกย้ำว่า “แก้ปัญหาปากท้อง โดยไม่แตะโครงสร้างอำนาจ” เป็น “ยุทธศาสตร์ที่ไม่มีทางทำงานได้สำเร็จ”





