“นายกฯ“ ทราบแล้ว ”เลขาฯสมช.”แจง ส่ง 40 ชาวอุยกูร์ถึงบ้าน ทุกคนดีใจ ยัน ไม่มีละเมิดสิทธิ-ไม่ดำเนินคดี เผย 15-30 วัน ย้อนกลับดูอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานเมื่อเวลา 08.30 น. จากคณะผู้แทนไทย นำโดย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ที่เดินทางไปพร้อมกัน เพื่อส่งชาวอุยกูร์กลับไปพบกับครอบครัว และติดตามผลหลังรัฐบาลจีนให้ความมั่นใจ ชาวอุยกูร์คือพลเมืองจีนที่จะต้องดูแลเป็นอย่างดี
โดยเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายฉัตรชัย พร้อมคณะ ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ได้อยู่สังเกตการณ์และตรวจสอบชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับสู่แผ่นดินแม่ในรอบ 11 ปี “11 Year Mission possible“ บริเวณอำเภอเจียซือ ห่างจากเมืองคาซือ ประมาณ 140 กิโลเมตร โดยชาวอุยกูร์ 40 คน เดินทางถึงเมืองคาซือ หรือเมืองคัชการ์ มณฑลซินเจียง ซึ่งเป็นเมืองที่ใกล้กับบ้านเกิดของชาวอุยกูร์กลุ่มดังกล่าวมากที่สุด โดยหลังจากได้รับการตรวจสุขภาพได้แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่อยู่ใกล้เมืองคาซือ ระยะทางไม่เกิน 140 กิโลเมตร และกลุ่มที่อยู่ไกลจากเมืองคาซือกว่า 1 พันกิโลเมตร เนื่องจากมณฑลซินเจียง มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า รัฐบาลจีนจึงได้จัดยานพาหนะเพื่อส่งกลับไปตามบ้านเกิดที่กระจายในหลายเมืองของมณฑลดังกล่าว จากนั้นเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน คณะผู้แทนไทยได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่อยู่ในการดูแลของทีมแพทย์โรงพยาบาลประจำอำเภอเจียซือ โดยได้ฝากความระลึกถึง และขอบคุณผู้แทนจากสำนักจุฬาราชมนตรีที่เข้ามาเยี่ยมและร่วมประกอบพิธีทางศาสนา เลี้ยงอาหารฮาลาลในระหว่างที่อยู่ในห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
นายฉัตรชัยกล่าวว่า หลังจากเดินทางส่งชาวอุยกูร์ถึงบ้านแล้วได้วางกรอบเวลาประมาณ 15-30 วัน คณะผู้แทนระดับสูงของไทยจะเดินทางไปติดตามพันธสัญญาที่ทั้งสองประเทศให้ไว้ต่อกันอย่างต่อเนื่อง โดยชาวอุยกูร์ที่ผ่านการตรวจสุขภาพเรียบร้อยแล้วได้เดินทางถึงบ้านเกิดด้วยความปลอดภัย ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว และแสดงความดีใจที่ได้กลับมาพบกับครอบครัว บางคนได้พบกับหลานและสมาชิกใหม่ของครอบครัว คนที่พูดภาษาไทยได้บ้าง กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และเท่าที่เดินทางมาสัมผัสด้วยตัวเอง รู้สึกได้ถึงความผูกพันระหว่างชาวอุยกูร์กับเจ้าหน้าที่ของ สตม. ทำให้การส่งกลับเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
“ยืนยันว่าการส่งกลับครั้งนี้ประเทศไทยได้พิจารณาในทุกมิติ และพยายามเจรจากับรัฐบาลจีนมาตลอดระยะเวลา 10 ปี เพื่อกำหนดเงื่อนไขให้จีนรับรองความปลอดภัยของการส่งกลับชาวอุยกูร์กลุ่มดังกล่าว และต้องอนุญาตให้คณะผู้แทนไทยสามารถเดินทางไปตรวจเยี่ยมภายหลังจากการส่งกลับได้ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับจนมาในยุครัฐบาลปัจจุบันที่รัฐบาลจีนมีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ และการพบปะหารือระดับผู้นำประเทศในห้วงการเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการในโอกาสการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-จีนครบรอบ 50 ปี ของนายกรัฐมนตรี ทางการจีนจึงยืนยันในหลักการรับรองความปลอดภัย”
นายฉัตรชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ เมื่อเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้จัดการแสดงวัฒนธรรมในย่านเยาวราช กรุงเทพมหานคร และหนึ่งในการแสดง มีการแสดงของชาวอุยกูร์ สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับของรัฐบาลจีนต่ออัตลักษณ์และวัฒนธรรมของชาวอุยกูร์ ทั้งนี้ก่อนส่งกลับชาวอุยกูร์ จีนได้ส่งคลิปญาติพี่น้องของผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ที่แสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในบ้านเกิดของตนเองในปัจจุบัน ต่างจากเมื่อ 11 ปีที่แล้ว จนทำให้ชาวอุยกูร์ต้องการจะเดินทางกลับ เนื่องจากติดอยู่ในห้องกักมาเกือบ 10 ปี และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้นำเนื้อหาในหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการจากทางการจีนมาแปลเป็นภาษาอุยกูร์ เพื่อให้ชาวอุยกูร์ในห้องกักดู จนนำมาสู่การเดินทางกลับโดยสมัครใจ
นายจิรายุกล่าวว่า การเดินทางเยือนจีนเพื่อสังเกตการณ์และตรวจเยี่ยมการส่งกลับชาวอุยกูร์ครั้งแรกของคณะผู้แทนไทย จะเดินทางกลับในวันอาทิตย์นี้ พร้อมสรุปรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบภายใน 7 วัน โดยจะมีการติดตามตรวจสอบตามว่าชาวอุยกูร์ 40 คนที่กลับแผ่นดินแม่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีสิทธิเสรีภาพต่อไป ตามเจตจำนงของทั้งสองประเทศ ส่วนการเดินทางครั้งที่ 2 เมื่อคณะดังกล่าวเดินทางกลับประเทศไทยและมีการสรุปรายงานเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นจะกำหนดการเดินทางไปตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์อีกครั้งในระยะเวลาประมาณ 15-30 วัน โดยรัฐบาลไทยยืนยันถึงความโปร่งใสและจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสื่อมวลชนเดินทางร่วมในการตรวจเยี่ยมดังกล่าว