‘ปกรณ์วุฒิ’ ลั่นมีมารยาทพอ เจอผู้ใหญ่ก็ยกมือไหว้ตลอด ปมมีวิวาทะกับ ‘วิสุทธิ์’ บอกยังไม่เคลียร์ รับโกรธจริง หลังชอบอ้างอยู่ฝ่าย ปชต. แต่กลับพูดถึงอาวุธเผด็จการที่ประหารนักการเมืองเป็นเรื่องตลก จ่อเสนอซักฟอก 4 วัน เลิกไม่เกิน 5 ทุ่ม ส่วน ‘นายกฯ’ ต้องแจงด้วยตัวเองหรือไม่ต้องดูบริบท
เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 4 มีนาคม ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข้อถกเถียงเรื่องจำนวนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า จะต้องมีการพูดคุยกับวิป 3 ฝ่ายอีกครั้ง เพราะตอนที่ขอไป 5 วัน ก็มีการเตรียมการไว้แล้วว่าจะมีผู้อภิปรายประมาณไหน ซึ่งที่ขอไป 5 วันนั้นไม่ใช่ฝ่ายค้านต้องลุกมาพูดทั้ง 5 วันเลย ต้องมีเวลาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชี้แจงด้วย เราต้องพูดกันทั้ง 2 ฝ่าย รัฐบาลคงทราบดีอยู่แล้วว่าต้องมีการแบ่งเรื่องเวลากัน
“ผมเห็นข่าวแต่ไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนพูดว่าการจะออกมาพูดว่าขอเวลาอภิปราย 5 วันนั้น เป็นการผิดมารยาท ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าผิดมารยาทตรงไหน จริงๆ ผมเห็นข้อดีคือการที่ผมบอกก่อนนั้น รัฐบาลจะได้เตรียมการได้คร่าวๆ ว่าฝ่ายค้านเตรียมผู้อภิปรายไว้ประมาณไหน แต่รัฐบาลกลับออกมาตอบโต้ว่าจะให้เวลาในการอภิปรายเพียง 1 วัน
ส่วนเรื่องดีอีกเรื่องคือ เป็นเรื่องที่ประชาชนได้หยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าพวกเขาเห็นอย่างไร แล้วพรรคการเมืองจะได้รับฟังเสียงจากสังคมแล้วนำมาตัดสินใจว่าการทำงานในสภาที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณไหน” นายปกรณ์วุฒิกล่าว
- ปธ.วิปรบ. ย้อนยุบสภา หรือยุบพรรคฝ่ายค้าน หลังปชน.โวเป้าซักฟอก ย้ำอภิปรายวันเดียวพอ
- ปกรณ์วุฒิ ลั่นแรงไม่ตลก ปธ.วิปฯพูดเย้ย ยุบพรรคฝ่ายค้าน ย้อนลืมแล้วหรือ พท.ก็เคยโดนย่ำยีแบบนี้
- วิสุทธิ์ อัดคืน ปกรณ์วุฒิ หลังวิวาทะเดือด ยุบพรรคฝ่ายค้าน ทีตัวเองพูดเรื่อยเปื่อย เอะอะให้ยุบสภา
เมื่อถามว่า กรณีการตอบโต้ระหว่างนายปกรณ์วุฒิและ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปรัฐบาล จะถึงขั้นไม่ยกมือไหว้เลยหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า “ผมเป็นคนมีมารยาท ผมเกิดเป็นคนไทย ตั้งแต่เด็กเวลาเห็นผู้ใหญ่ผมก็ยกมือไหว้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มีนาคมนั้น ต้องบอกตามตรงว่าผมโกรธจริงๆ คนธรรมดา มีอารมณ์โกรธได้ สิ่งที่ผมโกรธไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเพราะผมเห็นการเมืองที่อ้างตัวเองว่าอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยมาก่อนกลับพูดถึงเรื่องการยุบพรรค พูดถึงเรื่องอาวุธที่ฝ่ายเผด็จการนำมาประหัตประหารนักการเมืองที่มาจากประชาชนได้ราวกับเป็นเรื่องตลก จึงได้ตอบโต้ออกไปในลักษณะนั้น แต่ก็ยังไม่เห็นว่าฝ่ายนั้นจะพูดถึงสิ่งที่ผมพูด แต่กลับไปพูดประเด็นอื่นแทน และคาดหวังว่าคงไม่มีเจตนาที่จะทำเช่นนั้น
นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า สิ่งที่น่าผิดหวังมากที่สุดคือนักการเมืองที่อยู่ในระบบประชาธิปไตย พรรคการเมืองที่อ้างอยู่ตลอดว่าทำตามเสียงของประชาชน ยึดโยงกับประชาชน กลับไปพูดถึงอาวุธของเผด็จการที่มาประหัตประหารนักการเมืองราวกลับเป็นเรื่องตลกหรือเป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามว่า ได้เคลียร์กับนายวิสุทธิ์แล้วหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ยังไม่ได้คุย แต่หากได้เจอกันก็คงได้คุยกันอยู่แล้ว คิดว่าการกระทบกระทั่งเป็นเรื่องปกติ แต่เดี๋ยวมันจะผ่านไปและกลายเป็นหนึ่งในบทเรียนให้ทั้งสองฝั่งว่าการสื่อสารควรจะหยุดที่ประมาณไหน ซึ่งหากไปถามสมาชิกพรรคเพื่อไทยคนอื่นเชื่อว่าก็คงมีบางท่านไม่สบายใจเช่นกัน
ส่วนหากสรุปแล้วไม่ได้ 5 วันตามที่หวัง อยากได้ประมาณกี่วัน ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ค่อนข้างเห็นด้วยกับประธานวิปรัฐบาลที่บอกว่าไม่ควรจะประชุมสภากันถึงเวลา 01.00-02.00 น. เนื่องจากประชาชนแทบจะไม่ได้ติดตาม และส่งผลให้เนื้อหาสาระไม่ถูกออกไปสู่สาธารณะเท่าที่ควร ฉะนั้น ฝ่ายค้านจะเสนออภิปราย 4 วัน โดยที่จะเลิกประชุมประมาณเวลา 23.00 น. จึงคิดว่าพอจะเป็นไปได้อยู่และรัฐมนตรีจะได้ชี้แจงด้วย
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องชี้แจงเพียงคนเดียวหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ในส่วนของข้อบังคับเราคงต้องไปตีความกันว่า คำว่า “นายกรัฐมนตรี” หรือ “รัฐมนตรี” หมายถึงผู้ที่ถูกไม่ไว้วางใจเท่านั้นหรือไม่ หรือว่าหมายถึงรัฐมนตรีท่านอื่นด้วย แต่ส่วนตัวตนคิดว่าถ้าเรื่องไหนเกี่ยวกับกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งโดยตรง ก็ไม่ได้น่าเกลียดที่จะให้รัฐมนตรีกระทรวงนั้นๆ เป็นผู้ชี้แจง แต่หากเรื่องไหนที่เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีโดยตรง นายกรัฐมนตรีจำเป็นที่จะต้องตอบด้วยตนเอง จะให้รองนายกรัฐมนตรีขึ้นมาตอบแทนคงไม่ค่อยเหมาะ อย่างไรก็ตาม ต้องดูบริบทของเนื้อหาที่อภิปรายด้วย
เมื่อถามถึงข้ออ้างที่ระบุว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว จึงลดเหลือ 1 วัน นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตอนที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ยื่นอภิปรายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งพรรค พท.ก็บอกว่าอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นคนเดียว 30 ชั่วโมง แต่โดยปกติแล้วแน่นอนว่าจะต้องพุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำ แต่ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเคยมีการยื่นไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงท่านเดียวอยู่ไม่กี่ครั้ง แต่ไม่เคยเห็นการอภิปรายครั้งไหนที่อภิปรายไม่ไว้วางใจกันแค่วันเดียว