ส.ว. เปิดวอร์ ถล่ม ก.ยุติธรรม-DSI ทำงานล่าช้า ขาดความรอบคอบ ฉัตรวรรษ ประกาศกร้าว ใส่เสื้อน้ำเงิน

ส.ว. เปิดวอร์ ถล่ม ก.ยุติธรรม-DSI ทำงานล่าช้า ขาดความรอบคอบ ฉัตรวรรษ ประกาศกร้าว ใส่เสื้อน้ำเงิน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 มีนาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มี นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติเรื่องขอเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย ของ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ส.ว.ในฐานะประธานคณะกรรมมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เสนอญัตติ เรื่อง ขอเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้นก่อนเข้าญัตติ นายบุญส่งแจ้งต่อที่ประชุมว่า ขอให้สมาชิกระมัดระวังในการอภิปราย เพราะมีบางเรื่องอาจจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเรียบร้อยแล้ว ไม่ให้อภิปรายไม่สุภาพใส่ร้ายหรือเสียดสีบุคคลใด หรือออกชื่อสมาชิกหรือบุคคลใดโดยไม่จำเป็น เพราะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์รัฐสภา จึงขอให้สมาชิกใช้ความระมัดระวังด้วย

จากนั้น พล.ต.ต.ฉัตรวรรษเสนอญัตติว่า ตามรัฐธรรมนูญ 60 กำหนดให้รัฐพึงจัดระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ และให้รัฐพึงมีมาตรการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยเคร่งคัด ปราศจากการแทรกหรือครอบงำใดๆ ซึ่งจากการพิจารณาถึงกระบวนการยุติธรรมและการใช้กฎหมาย ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยยังขาดประสิทธิภาพมีความล่าช้าในการดำเนินคดี มีการแทรกแซง และครอบงำจากฝ่ายการเมือง ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินคดีความผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อนและมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือระบบเศรษฐกิจการคลังของประเทศความผิดทางอาญาที่มีลักษณะเป็นการกระทำผิดข้ามชาติที่สำคัญ หรือเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม ความผิดของผู้ทรงอิทธิพลที่สำคัญเป็นตัวการผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนในความผิดทางอาญา ที่พนักงานสอบสวนหรือตำรวจ ซึ่งไม่ใช่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษหรือเจ้าหน้าที่พิเศษเป็นผู้ต้องสงสัย เช่น คดีทุจริตคอร์รัปชั่น ฟอกเงิน ยาเสพติด คดีที่เกี่ยวข้องกับการเงินการลงทุน การกระทำความิดข้ามชาติ ลักลอบเข้าเมือง เป็นต้น

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวต่อว่า ในการดำเนินคดีพิเศษที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการยุติธรรมที่ยังขาดประสิทธิภาพ มีการดำเนินการล่าช้า ไม่สามารถทำให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษได้อย่างแท้จริง รวมทั้งไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดและปกป้องรักษาผลประโยชน์ของรัฐและประชาชนได้ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสังคมว่ากระบวนการยุติธรรมไม่อาจเป็นที่พึ่งได้ เช่น การดำเนินคดีกับในทุนจีนสีเทาในข้อหายาเสพติดฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การดำเนินคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานและเป็นปัญหาสำคัญที่มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ การสืบสวนสอบสวนความผิดดังกล่าวต้องอาศัยความรู้ความชำนาญในการรวบรวมพยานหลักฐานโดยเจ้าหน้าที่มืออาชีพ เพื่อให้พยานหลักฐานครบถ้วนสามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในการดำเนินการกระบวนการที่ทำยังมีปัญหาในการบังคับกฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น กรณีให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังในการได้รักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิพิเศษในการเข้ารักษาพยาบาลพิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่น

ADVERTISMENT

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า ในส่วนของคดีอุยกูร์ ซึ่งเป็นความผิดลักษณะกระทำความผิดข้ามชาติ หรือการกระทำขององค์กรอาชญากรรมที่สำคัญเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ มีการดำเนินการที่ไม่โปร่งใสขาดความชอบธรรม เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จนถูกประณามจากองค์กรต่างๆ ระหว่างประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดการก่อการร้ายตามมาได้ จึงเห็นว่าการดำเนินการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขาดความรอบคอบในการพิจารณาดำเนินการตามหลักสากล ขาดความรู้ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งจะนำมาซึ่งความเสียหายกับประเทศชาติได้ในอนาคต

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า ในกรณีการได้มาของ ส.ว.ปี’67 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อธิบดีดีเอสไอ ร่วมกันแถลงข่าวจงใจกลั่นแกล้งกล่าวหาว่าการได้มาของ ส.ว.มีการฮั้ว เป็นอั้งยี่ และกระทำผิดฟอกเงิน และเป็นความผิดความมั่นคงของชาติ ทำให้ ส.ว.ได้รับความเสียหายเสียชื่อเสียงว่าได้รับตำแหน่งมาโดยไม่ชอบทำโดยการสมยอม รวมหัวกันเพื่อให้ได้เป็น ส.ว.โดยไม่สุจริตและโปร่งใส ถือว่าเป็นการใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งฝ่ายกฎหมายวุฒิสภากำลังพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวต่อว่า ในการกล่าวหาให้ข่าวกับสื่อมวลชนในลักษณะเหมาเข่ง ทั้งๆ ที่อธิบดีดีเอสไอ มีอำนาจตามกฎหมายอาญาและ พ.ร.ป.คดีพิเศษ สามารถดำเนินการได้หากพบว่ามีพยานหลักฐานมากเพียงพอที่จะสืบสวนสอบสวน แต่กลับกันอธิบดีดีเอสไอพยายามที่จะทำให้เป็นคดีพิเศษ โดยเฉพาะการเสนอต่อคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (คกพ.) แต่การประชุมที่ผ่านมาเกิดปัญหาโรคเลื่อน อ้างว่ายังไม่ได้นำเข้าการพิจารณาประชุมของอนุฯกลั่นกรอง จะเห็นได้ว่าการทำงานของอธิบดีดีเอสไอ ขาดความรอบคอบในการที่จะนำเสนอเรื่องเข้าบอร์ดพิจารณา ทั้งที่มีอำนาจหน้าที่ที่จะกระทำได้ แต่ยังนำเรื่องเพื่อให้บอร์ดพิจารณาให้ตนเองมีอำนาจหน้าที่ ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าว่ากรณีการได้มาของ ส.ว.เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีดีเอสไอยังได้แถลงข่าวเป็นรายวัน เพื่อขอความชอบธรรมจากสังคม ที่จะดำเนินการสอบสวน จัดให้มีการรับเรื่องร้องเรียนเป็นรายวัน เพื่อให้เห็นว่ามีผู้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากเป็นวงกว้างทั่วประเทศ มุ่งหวังให้สังคมเห็นว่าการได้มาของ ส.ว. ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม การกระทำดังกล่าวมีการล็อกเป้าหมายในการดำเนินคดี โดยอ้างว่ามีกลุ่ม ส.ว. 138 + 2 ซึ่งตัวเลขนี้ก็ไม่ทราบว่าจะสามารถเปิดเผยหรือดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ได้หรือไม่ จึงสงสัยว่าการสืบสวนสอบสวนนี้สามารถล็อกเป้ากลุ่ม ส.ว. โดยแยกประเภทสีได้อย่างไร โดยเฉพาะการมุ่งเน้นมาที่สีน้ำเงิน

“วันนี้ผมใส่เสื้อสีน้ำเงินมาเพื่อขออภิปราย พร้อมที่จะรับแจ้งข้อกล่าวหาจากอธิบดีดีเอสไอ พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากท่านมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ท่านเคยได้ยินไหมครับ 0 มีค่ามากกว่า 1 นักคณิตศาสตร์ระดับโลกยังคิดไม่ได้ แต่มีผู้นำทางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศไทยสามารถที่จะคิดได้ ในการที่จะทำให้ 0 มีค่ามากกว่า 1 และได้จำนวน ส.ว.เข้ามาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตรงนี้มีเพื่อนสมาชิกที่ได้ไปพักโรงแรมใกล้กับอิมแพค เมืองทองธานี ได้พบเห็นมีการปิดห้องประชุมรับมีผู้เข้าประชุมประมาณ 400 คน มีการแจกจ่ายเอกสารหมายเลขที่จะให้เลือก ลักษณะเช่นนี้อธิบดีดีเอสไอ ท่านรู้หรือไม่ ได้รับการร้องเรียนหรือไม่ ท่านพอจะมีข้อมูลทำการสืบสวนเพื่อเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ ผลสุดท้ายจากการดำเนินการก็ได้ตัวเลขออกมาที่น่าสนใจคือ 21 + 24 คล้ายครึ่งกับตัวเลข 138 + 2 เพราะฉะนั้น ผมฝากปัญหาว่า 2 ตัวเลขชุดนี้ท่าน อธิบดีดีเอสไอสามารถสืบสวนสอบสวนตามที่ท่านกล่าวหาเป็นการอั้งยี่ฟอกเงินหรือไม่” พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าว

จากนั้นได้เปิดให้สมาชิกอภิปรายอย่างกว้างขวางต่อไป