อังคณา ไม่แปลกใจ มติรับคดีฮั้วส.ว.เป็นฟอกเงิน ดักคอ ‘ทวี’ พูดไว้เยอะ ถ้าทำไม่ได้น่าเสียใจ

‘อังคณา’ ไม่แปลกใจ กคพ.รับคดีฮั้ว เลือก ส.ว.เป็นฟอกเงิน ลั่นถ้าทำมาขนาดนี้ขอทำต่อให้จริง ไม่เชื่อ ‘เนวิน-อนุทิน’ พบ ‘ทักษิณ’ แค่คุยเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รับกังวลขออย่าเป็นเกมต่อรองการเมือง จี้ กกต.ควรเร่งดำเนินการอย่าปล่อยไว้นาน-ดีเอสไอต้องพิสูจน์ตัวเอง เหน็บ ‘ทวี’ พูดเยอะ ถ้าทำไม่ได้น่าเสียใจ

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 มีนาคม ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงมติที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) 11 เสียง รับคดีฮั้วเลือก ส.ว.เป็นคดีพิเศษฐานความผิดฟอกเงินว่า แปลกใจว่าทำไมคณะกรรมการที่เป็นตำรวจไม่มาประชุมให้ครบ ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และสังคมให้ความสำคัญ เมื่อคณะกรรมการมาประชุมไม่ครบจึงทำให้เสียงหายไป ซึ่งมีผลต่อการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษ เพราะหากครบองค์ประชุมแล้วจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ว่ากันไป และไม่แปลกใจที่ กคพ.รับเป็นคดีฟอกเงิน เพราะจากที่ทราบน่าจะมีการพูดคุยกันแล้วในระดับหนึ่ง แต่ในฐานะที่ฟังมาจากประชาชน ถ้าทำมาถึงขนาดนี้แล้วก็ทำให้ต่อให้จริง

เมื่ถามว่า ที่ระบุว่ามีการพูดคุยกันนั้นหมายถึงใคร นางอังคณากล่าวว่า ตามข่าวที่ว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปพบกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้มีการพูดกันเยอะในหน้าสื่อและโซเชียล

ต่อข้อถามว่า เชื่อหรือไม่ว่ามีการไปพูดคุยเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์กัน นางอังคณากล่าวว่า ส่วนตัวไม่เชื่อ และคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องคดีนี้ด้วยถือเป็นเรื่องสำคัญ

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่า ในส่วนของ ส.ว.อาจมีการยื่นอภิปรายรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ส่วนตัวจะร่วมด้วยหรือไม่ นางอังคณากล่าวว่า โดยส่วนตัวตนยืนยันมาตลอดว่าไม่เห็นด้วย เนื่องจากมองว่าการตอบโต้ในลักษณะนี้เป็นการฟ้องปิดปาก และตนก็คัดค้านเรื่องการฟ้องปิดปาก หรือฟ้องเพื่อปิดกั้นการมีส่วนร่วมสาธารณะ คงไม่ร่วมด้วย แต่ก็เคารพความคิดเห็นของ ส.ว.ส่วนใหญ่

“ท่านมีสิทธิที่จะทำได้ แต่ก็อยากให้ทุกฝ่ายทำงานกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นกรมสอบสวนพิเศษ ​(ดีเอสไอ) หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างไรก็ตาม ดิฉันเป็น 1 ใน 199 คน ที่จะต้องถูกตรวจสอบ ซึ่งก็พร้อมถูกตรวจสอบ” นางอังคณากล่าว

เมื่อถามว่า มองว่าคดีที่เป็นการฮั้วที่ กกต.ทำอยู่จะทันหรือไม่ นางอังคณากล่าวว่า ขอย้อนว่าเรื่องของตนมีการสอบถามว่ามีประสบการณ์ 10 ปีจริงหรือไม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ค้นในเว็บไซต์ก็เจอ ยังใช้เวลากว่า 7 เดือน และตอนที่ กกต.ออกหมายเรียกไปให้ข้อมูลตอนนั้นก็ถามเจ้าหน้าที่ว่าแล้วเรื่องที่มีการซับซ้อนมากกว่านี้ รวมถึงใช้เวลามากกว่านี้จะดำเนินการอย่างไร ซึ่งก็ได้ทราบจากเจ้าหน้าที่ว่าคงจะมีการขอขยายเวลา แต่ไม่ทราบว่าจะขอขยายไปได้อีกเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่วันแรกที่มีการประกาศรายชื่อของ ส.ว.ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด ฉะนั้น กกต.ควรจะรีบเร่งในการดำเนินการ ไม่ควรปล่อยให้ล่าช้า และคลุมเครือไปเรื่อยๆ

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าสุดท้ายเรื่องนี้อาจจะหายไปหรือทำไม่ทัน นางอังคณา กล่าวว่า ในกระบวนการยุติธรรม หากมีการกล่าวหาว่ากระทำความผิด กว่าจะมีกระบวนการส่งฟ้องหรือสืบพยานนั้น แล้วเหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่ เผลอๆ อาจจะหมดวาระไปแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่าหากมีการอั้งยี่กันก็สามารถสอบต่อไปได้ มองว่าจะมีการนำการ์ดใบนี้ออกมาเล่นเกมการเมืองกันอีกในช่วงไหน นางอังคณากล่าวว่า กังวลว่าอย่าให้เป็นเกมการต่อรอง เพราะหากมีการสืบจากคดีฟอกเงินแล้วพบว่าเป็นการอั้งยี่ แล้วใช้ข้อเท็จจริงเป็นเครื่องต่อรองนั้น สังคมจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แต่หากพบว่าเป็นการอั้งยี่จริงและมีการดำเนินการต่อก็จะทำให้สังคมเกิดความชัดเจนและจะเป็นการพิสูจน์การทำงานว่าดีเอสไอทำงานภายใต้แรงกดดันทางการเมืองหรือไม่ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลแต่ละสมัยก็พบว่าดีเอสไอถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง มีอดีตอธิบดีเคยติดคุก

นางอังคณากล่าวต่อว่า บทบาทที่สำคัญที่สุดของ ส.ว.คือการเห็นชอบและพิจารณาคุณสมบัติขององค์กรอิสระ โดยเฉพาะปีนี้ที่ กกต.จะหมดวาระกันหลายคน หากเป็นความจริงว่า ส.ว. 199 คน หรือจะเป็น 138+2 คน มาโดยไม่ชอบ ตรงนี้จะเป็นการทำลายรากฐานของระบอบประชาธิปไตย ทำลายความโปร่งใสและกลไกตรวจสอบทั้งหมด ฉะนั้น ขอให้มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ดีเอสไอก็ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าไม่เป็นเครื่องมือทางการเมือง

เมื่อถามว่า หาก ส.ว.แต่งตั้ง กกต.ชุดใหม่ก็จะเป็นคนของตัวเองใช่หรือไม่ นางอังคณากล่าวว่า ถูก และจะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งถัดไปด้วย รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือศาลรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่ง ส.ว.จะตกเป็นเป้าในการเลือกองค์กรอิสระต่างๆ โดยเฉพาะ กกต.ที่มีความสำคัญอย่างมาก แล้วต่อไปสังคมจะไว้วางใจได้อย่างไรว่าเราจะมีองค์กรอิสระที่เป็นอิสระ ผู้แทนของประชาชนที่เป็นผู้แทนอย่างแท้จริง

“หวังว่าจะไม่เอาเรื่องนี้เป็นเครื่องมือการต่อรองทางการเมือง แต่ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงและ พ.ต.อ.ทวีก็เหมือนเดิมพันด้วยตำแหน่งของตัวเอง หากสุดท้ายทำอะไรไม่ได้ก็น่าเสียใจ ที่พูดอะไรไปตั้งเยอะแต่สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ ส่วนองค์กรอิสระที่ ส.ว.ชุดนี้มีการเลือกไปแล้วนั้น ดิฉันกังวลว่าหากสุดท้ายผลออกมาว่ามี ส.ว. ที่อาจจะได้มาโดยไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ แล้วผลจากการที่ ส.ว.ได้ไปเลือกองค์กรอิสระแล้วจะมีผลกระทบหรือไม่ หรือไม่เป็นอะไร แต่ก็ขอให้ กกต.รับดำเนินการไปก่อน” นางอังคณากล่าว